06/04/2025
มนุษย์จำนวนมากรู้สึก “ผูกพัน”
กับหมาของตัวเองในระดับที่ลึก
ทั้งที่ต่างสายพันธุ์ พูดคนละภาษา
และไม่มีอะไรเหมือนกันเลยสักอย่าง 🥤
ความรู้สึกนั้น เรามโนเอาเอง
หรือมีรากฐานทางวิทยาศาสตร์จริง?
01 🟥 คำตอบคืออย่างหลัง
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Azabu ประเทศญี่ปุ่น พบว่า “การสบตา” ระหว่างคนกับสุนัข ไม่ใช่แค่พฤติกรรมที่น่ารัก แต่เป็นพฤติกรรมที่กระตุ้นให้สมองของทั้งสองฝ่ายหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อว่า Oxytocin (ออกซิโทซิน)
Oxytocin คือฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความรู้สึกผูกพัน ความสงบ และความไว้ใจ เป็นตัวเดียวกันกับที่แม่หลั่งออกมาตอนกอดลูก หรือเวลาคนเรารู้สึกว่า “อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย”
แต่ต้องเข้าใจก่อนว่า ไม่ใช่การสบตากับหมาตัวไหนก็ได้ ไม่ใช่หมาที่เจอที่คาเฟ่ หรือหมาจรริมทาง แต่เป็นการสบตากับหมาที่มี “สายสัมพันธ์และความไว้ใจ” กับเจ้าของในระดับลึกพอ
งานวิจัยพบว่า ผลของ Oxytocin จะชัดเจนที่สุดในความสัมพันธ์ที่มี mutual bonding หรือก็คือ ความผูกพันสองทาง ที่ทั้งหมาและคนต่างรับรู้ว่า “เราไว้ใจกันได้” สมองจะตอบสนองกับ “ความปลอดภัยทางอารมณ์” มากกว่ารูปลักษณ์ภายนอกหรือคำสั่ง
02 🟥 Oxytocin ทำอะไรกับเรา
Oxytocin เป็นฮอร์โมนที่ผลิตจากบริเวณที่เรียกว่า Hypothalamus (ไฮโปทาลามัส) ซึ่งอยู่กลางสมอง ทำหน้าที่ควบคุมระบบฮอร์โมนทั้งหมดของร่างกาย
จากนั้น Oxytocin จะถูกส่งไปเก็บไว้ที่ต่อมใต้สมอง เพื่อปล่อยออกมาตอนที่เรารู้สึกปลอดภัยและไว้ใจ
เวลามี Oxytocin มากขึ้นในร่างกาย มันจะส่งผลต่อ ระบบประสาทอัตโนมัติ
(ระบบที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ ความดันลือด การย่อยอาหาร โดยที่เราไม่ต้องสั่งการ) โดยจะช่วยให้ร่างกายเข้าสู่โหมดฟื้นฟู (ที่เรียกว่า rest-and-digest) หัวใจจะเต้นช้าลง ความดันโลหิตลดลง และรู้สึกผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ยังมีงานวิจัยบางชิ้นที่พบว่า Oxytocin มีส่วนช่วยลด ภาวะอักเสบเรื้อรัง (Chronic Inflammation) ซึ่งเป็นต้นเหตุของหลายโรค เช่น เบาหวาน ความดัน ภูมิแพ้บางชนิด หรือแม้แต่ภาวะซึมเศร้าเรื้อรัง
ดังนั้น แค่คุณสบตากับหมาที่ผูกพันกันดี ก็อาจช่วยให้เคมีในร่างกาย “จูนกลับมาสมดุล” ได้แบบไม่รู้ตัว
03 🟥 ไม่ใช่สัตว์ทุกชนิดจะทำได้แบบนี้
แมว กระต่าย หรือสัตว์เลี้ยงในบ้านอื่น ๆ แม้จะใกล้ชิดกับมนุษย์ ก็ยังไม่กระตุ้นระบบ Oxytocin ได้ในระดับเดียวกับหมา เพราะไม่มีพฤติกรรม “สบตาแบบสร้างความสัมพันธ์” แบบเดียวกัน
หมาเป็นสัตว์ไม่กี่ชนิดในโลกที่สามารถสร้างสิ่งที่เรียกว่า Mutual Gaze หรือ การสบตาที่มีความหมายร่วมกันทั้งสองฝ่าย และมักเกิดในความสัมพันธ์ที่มีความเชื่อใจกันแล้ว
นักชีววิทยาเชื่อว่าสิ่งนี้คือผลของ Co-evolution หรือการปรับตัวร่วมกันระหว่างมนุษย์กับสุนัขตลอดหลายหมื่นปี จนทำให้หมาบางสายพันธุ์ตอบสนองต่ออารมณ์มนุษย์ได้เหมือนเป็นคนในครอบครัว บางตัวสามารถแยกแยะสีหน้า เสียงพูด และความตั้งใจของเราได้ละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ
โดยเฉพาะหมาที่อยู่กับเจ้าของมานาน หรือผ่านประสบการณ์ร่วมกัน จะยิ่งมีแนวโน้มตอบสนองต่อ “สายตาแห่งความไว้ใจ” ได้ชัดเจนและสม่ำเสมอขึ้น
04 🟥 ความมหัศจรรย์ที่เกิดทั้งสองทาง
การสบตาระหว่างหมากับมนุษย์ ไม่ใช่แค่เราได้รับ แต่หมาก็เปลี่ยนแปลงไปในขณะเดียวกัน
Oxytocin จะหลั่งมากที่สุด เมื่อทั้งสองฝ่ายรู้สึกปลอดภัย ไว้ใจกัน และไม่มีสัญญาณคุกคามใดๆ
ถ้าหมาเงยหน้าขึ้นมามอง แต่เราให้สายตาเครียด หงุดหงิด หรือเมินเฉย สมองของเขาจะไม่หลั่ง Oxytocin และความสัมพันธ์จะไม่แน่นแฟ้นเท่าเดิม
ถ้าเหตุการณ์แบบนี้เกิดซ้ำบ่อยพอ สมองของหมาอาจเรียนรู้ว่า “อย่ามองดีกว่า” ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริงตามกลไกของร่างกาย
05 🟥 แววตาโกหกไม่ได้
แววตาเป็นสิ่งสุดท้ายที่โกหกกันได้ยากที่สุด มันสะท้อนทุกสิ่งที่เราทำกับเขามาก่อนหน้านั้น ทั้งความอ่อนโยน ความรุนแรง หรือความเฉยเมย
และถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้
อาจถึงเวลาที่จะถามตัวเองเงียบ ๆ
ทุกครั้งที่เขามองตาคุณ
เขากำลังรู้สึกผูกพัน...
หรือกำลังเรียนรู้ว่า
อย่ามองตาเลยจะปลอดภัยกว่า?
เพราะแววตาที่คุณส่งกลับไป
อาจเป็นตัวกำหนดรูปแบบของความสัมพันธ์นี้
ทั้งในระดับใจและระดับสมองของทั้งคู่