จรัญกิจ

08/08/2025

อาหารแมวเกรดซุปเปอร์พรีเมี่ยมจากเบลเยี่ยม
🔥Astaxanthin สารต่อต้านอนุมูลอิสระที่ดีที่สุดในขณะนี้
🔥Omega3 Phospholipids ดีกว่าจากน้ำมันปลา 50 เท่าที่ระดับสมอง
🔥LID Limited Ingredient Diet, ป้องกันการแพ้โปรตีนจากแหล่งโปรตีนที่หลากหลายเกินไป

หาซื้อได้ในเพทชอพชั้นนำ และออนไลน์สโตร์
#อาหารแมว #แมว

05/08/2025

Xtravital Guinea Pig
อาหารสำเร็จรูปสำหรับหนูแกสบี้ เกรดพรีเมี่ยมจากเนเธอร์แลนด์
#หนูตะเภา

30/07/2025

22/07/2025

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ

ตลาดหมาผ่านจุดพีคมาแล้ว

จากช่วงที่ตลาดพุ่งแรงสุดขีด วันนี้หลายปัจจัยกำลังเปลี่ยน ทั้งเศรษฐกิจที่บีบพ่อแม่หมาให้รัดเข็มขัด การเลี้ยงที่จริงจังลดน้อยลง งานหมาที่เริ่มจำเจ และพฤติกรรมของเจ้าของที่เปลี่ยนไปเมื่อหมาโต

Insight จากคนอยู่ในแวดวงที่เฝ้ามองมานาน ว่าตลาดนี้อาจจะกำลัง "นิ่งลง" อย่างชัดเจนแล้ว

⎯⎯⎯⎯

อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว แต่ทำไมแอดถึงคิดแบบนั้น?

🔴 Disclaimer: ข้อมูลนี้เป็นส่วนที่มองและพิจารณาเอาเอง ไม่มี ref data ที่ชัดเจน ไม่จำเป็นต้องเชื่อ ถือว่าแค่เม้าท์กันเล่นๆ ก็แล้วกัน

ใครก็รู้ว่าตลาดหมาเป็นหนึ่งใน market ที่เติบโตสูงที่สุดตลาดหนึ่งในประเทศ สวนกับเศรษฐกิจที่ซบเซาเฉาลงเรื่อยๆ จนทุกธุรกิจก็อยากกระโดดเข้ามาทำกำไรกันในตลาดนี้

จากการที่ส่วนตัวใกล้ชิดและเฝ้ามองตลาดนี้มาตลอด ส่วนตัวคิดว่ากราฟการเติบโตสูงสุดของตลาดหมาได้ผ่านไปแล้ว ประมาณต้นปีนี้ (2025) เพราะหลายปัจจัยผสมกัน คือ

⎯⎯⎯⎯

🔴 1. พ้นช่วงหมาโควิด

ช่วง Covid เป็นช่วง accelerate ตลาดหมาสูงที่สุด มีหมาเกิดในยุค Covid เยอะมากจากการที่ผู้ปกครองออกไปข้างนอกลำบาก เมื่อเริ่มมีเวลาก็เริ่มตัดสินใจเลี้ยง ซึ่งที่จริงตลาดหมาโตอย่างรุนแรงก็เพราะจำนวนหมากลุ่มนี้ด้วย

แต่ถึงปีนี้ผู้ปกครองเหล่านั้นต้องกลับไปทำงานหาเงินแล้ว อัตราการงอกหมาจึงไม่ได้พุ่งพรวดเหมือนช่วงนั้น และหมาเจนนี้เริ่มโต หลายบ้านยังให้เวลาเยอะ แต่หลายบ้านก็ "เลิกเห่อ" แล้ว ทำให้อัตราการซื้อของหมา และพาหมาไปเที่ยวลดลงบ้าง

⎯⎯⎯⎯

🔴 2. เศรษฐกิจที่ซบเซา

แม้ว่าพ่อแม่หมาจะลอยตัวจากภาวะเศรษฐกิจมากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่เศรษฐกิจรอบนี้ซบเซาต่อเนื่องยาวนานเกินจนไม่มีกลุ่มไหนจะรอดได้ (ยกเว้นกลุ่ม wealth อาจสัก 0.5%) ทำให้สินค้าหมาเองก็โดนไปด้วยเช่นกัน

สำหรับกลุ่ม mass และหมาใหญ่ เท่าที่สังเกตจะถูก "ลดเกรดอาหาร" ตั้งแต่ต้นปี 2024 แล้ว ส่วนกลุ่ม premium ที่ไม่ได้ลดเกรดอาหาร ยังคงเลี้ยงดูให้ได้มาตรฐานดีในสิ่งที่จำเป็น แต่เริ่มลดการซื้อของที่ไม่จำเป็นลงบ้างแล้วเช่นกัน

⎯⎯⎯⎯

🔴 3. งานหมาที่จัดบ่อยเกินไป

สมัยก่อนเราจะตื่นเต้นกับ Pet Expo ทุกครั้งที่มี แต่ถึงปัจจุบันมี organizer ที่จัดงานหมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ ทุกศูนย์การค้าเริ่มเอา pet เข้ามาเป็นกิจกรรม ทำให้ตลอดปี 2024-2025 ที่ผ่านมามันจะมี "งานหมา" แทบจะทุกสัปดาห์ หมุนเวียนกันไป มีหลายแบรนด์ถึงกับไม่ต้องมีหน้าร้านเลย แล้วแค่ออกงานหมา ก็ขายได้อยู่เรื่อยๆ

แต่ต้องยอมรับอย่างนึงว่า อะไรที่เยอะเกินไป ความน่าสนใจมันก็ลดลงโดยธรรมชาติ เมื่อความตื่นเต้นน้อยลง การไปงานหมาที่ส่วนลดก็ไม่ได้เยอะอะไร แต่มักจะไปเพราะสนุกและเจอเพื่อนๆ มากกว่า เลยเริ่มเกิด behaviour ที่เปลี่ยนไป และอาจไปเพียงแค่ไม่กี่งานเท่านั้น

⎯⎯⎯⎯

🔴 4. ความชัดเจนที่มากขึ้นของการเลี้ยงหมา

ในช่วงปี 2020-2023 เป็นช่วงที่ใครเลี้ยงหมา หรือมีหมามาเลี้ยงใหม่ก็มักจะถูกเหมารวมเป็น "พ่อแม่เจนใหม่" ไปซะทั้งหมด เนื่องจากยุคนั้นอะไรก็สนุก และหลายคนเพิ่งมีหมาใหม่ได้ไม่นาน

แต่เมื่อเวลาผ่านมาเกิน 3-4 ขวบแล้ว จำนวนหมาที่ถูกพาออกไปเที่ยวข้างนอก "ลดลงอย่างชัดเจน" พูดง่ายๆ คือ คนที่ยังคงพาหมาออกไปเที่ยวแม้เขาจะอายุเกิน 4 ขวบ มีไม่เยอะเท่าหมาใหม่ และนั่นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่เห็นชัดว่าหมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา หรือเป็นแค่สัตว์เลี้ยงในรูปแบบเดิมๆ

กับกลุ่มที่เลี้ยงหมาดีที่ทำให้เกิดเทรนด์ Global Pet-Family กลับมีไม่เยอะ จะเลี้ยงและใช้ชีวิตร่วมกันตราบจนน้องอายุมากขึ้นก็ตาม ไม่ใช่แบบที่คอยซื้อหมาใหม่มาเลี้ยงตลอดเพื่อให้ยังแอคทีฟ

⎯⎯⎯⎯

🔴 5. Quantity vs Quality เริ่มชัดเจน

และเมื่อต่อจากข้อ 4 ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ชัดเจนว่า การเลี้ยงหมาแบบ mass หรือรูปแบบเดิม ยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่กว่าการเลี้ยงแบบ Pet-Family ที่จริงจัง

ตลาดใหญ่ ไม่ได้แปลว่าเป็นตลาดคุณภาพ ไม่อย่างนั้นสปาเก็ตตี้คงจะทำเงินได้มากกว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปแล้ว สินค้า mass ขายง่าย แต่ของดีจริงๆ ต้องเข้าใจคนเลี้ยงลึกกว่านั้น เพราะของดีตลาดมัน niche และแคบนิดเดียว ดูง่ายๆ ขนมหมา-ของเล่นหมา หลายอย่างยังไม่ดีกับหมาเลย โลกเรามันก็เป็นแบบนี้ ไม่พ้นแม้แต่เทรนด์ Pet Friendly ก็ตาม

แต่...สำหรับของ Premium นักการตลาดที่จะจับเทรนด์ Pet Family จึงต้องแยกกลุ่มให้เป็นว่า กลุ่มที่ตัวเองจะตามเทรนด์เป็นแค่ Pet Owner หรือ Pet Family ตัวจริง

Pet Family ไม่ใช่กลุ่มใหญ่สุด แต่เป็นกลุ่มที่แบรนด์คุณภาพต้องเข้าให้ถูก ต้องเข้าใจว่าจะไม่ได้ "จำนวนเยอะ" ไม่ได้ engagement สูง คนร่วมเยอะ แต่มันได้ "คุณภาพสูง" หรือกลุ่มเป้าหมายที่ Premium มากกว่า ซึ่งส่วนตัวเราคิดว่าคุ้ม และมันเป็นกลุ่มที่ทำให้ Global Trend มุ่งไปทางนั้น

⎯⎯⎯⎯

🔴 6. “พ่อแม่หมามือใหม่” เริ่มเรียนรู้มากขึ้น

พูดถึงระดับ Pet-Family ช่วงก่อนหน้าหลายคนเลี้ยงหมาแบบไม่มีประสบการณ์ ใช้เงินเป็นน้ำกับของหมาทุกอย่างที่ซื้อมาลอง

แต่วันนี้คนเลี้ยงมือใหม่กลายเป็น “มือเก่า” แล้ว รู้ว่าอะไรเวิร์ก-ไม่เวิร์ก เริ่มเลือกซื้อของที่ใช้งานได้จริง ไม่ได้ซื้อเพราะแบรนด์สวยหรือดารารีวิว

แถมไม่จบแค่นั้น มันก็มีการรีวิว-บอกต่อ-เตือนภัย กันจนพ่อแม่หมาที่เพิ่งซื้อหมาเริ่มมีองค์ความรู้ให้เข้าถึงง่ายขึ้นมากกว่ายุคก่อนหน้า ผลคือ spending ลดลงแม้ยังรักหมาเหมือนเดิม

⎯⎯⎯⎯

🔴 7. การแข่งขันที่สูงมาก มาเร็ว ดับเร็ว

มีหลายแบรนด์เข้ามาในตลาดหมาแบบคับคั่ง มีทุก segment, segment นึงมีเกิน 10 brands การแข่งขันที่อิสระเป็นสิ่งที่ดีกับพ่อแม่หมา แต่อาจไม่ดีกับสินค้าที่ "ทั่วไป"

เพราะในตลาดมีหลายรูปแบบที่ต่างก็มีปัญหาในตัวเอง เช่น
- สินค้า Craft ผลิตน้อย ไม่พร้อมแข่งขันในความเร็วสูง
- สินค้า OEM โรงงานรับผลิตตีแบรนด์ อันนี้สร้างความซ้ำเยอะที่สุด ถูกทดแทนได้ง่าย
- สินค้า China อันนี้ทำลายราคาตลาดเก่งที่สุด แต่ยากจะแทรกตลาดพรีเมียม
- สินค้า Import จากประเทศชั้นนำ ได้ตลาดพรีเมียมแต่แคบตามที่บอก

ตอนนี้สินค้าหมาเลยล้นตลาดแบบที่อีก 1-2 ปีข้างหน้า น่าจะทำให้เราเห็นหลายแบรนด์หายไปจากตลาดง่ายกว่าที่คิด

⎯⎯⎯⎯

🔴 8. การเพาะพันธุ์ที่ไร้มาตรฐาน

เรื่องนี้เกี่ยวกับตลาดหมาได้ไง? การมีหมาเกิดใหม่จากฟาร์มที่ไม่เคร่งครัด หรือแย่กว่า คือ จากเจ้าของหมาที่เพาะเอง (หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Backyard Breeder ผู้เพาะพันธุ์สมัครเล่น)

ซึ่งสร้างหมามีปัญหาเยอะที่สุด เพราะไม่เคยดูความซ้ำทางยีนและโครโมโซม ทำให้เกิดสุนัขไม่แข็งแรงได้ง่าย

เมื่อตลาดในไทยมีสุนัขที่ไม่แข็งแรง ผลที่ตามมาคือ "แพ้ง่าย" การจะลองของกินอาหารยี่ห้อใหม่ ก็ยาก, จะไปเที่ยวข้างนอก ก็ยาก, แม้แต่แชมพูยี่ห้อใหม่ ซึ่งอาจจะดีก็แล้วแต่ พ่อแม่หมาจะมีประสบการณ์ที่ต้อง "หลีกเลี่ยงการลองของใหม่" ไว้ก่อน

⎯⎯⎯⎯

🔴 แล้วแบรนด์หมาควรทำยังไง?

สำหรับกลุ่มที่โฟกัสตลาดแมสอาจข้ามไป เพราะไม่ตรงกับเราเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นแบรนด์สินค้าและบริการพรีเมียม นอกจากคุณภาพที่คุณทำได้ดีอยู่ อาจต้อง "เลือกกลุ่ม" ให้ชัดมากขึ้น

เพราะสินค้าพรีเมียมไหนที่เริ่มแตะตลาดแมส กลุ่มพรีเมียมเขาก็ตัดสินใจเปลี่ยนกันง่ายเหมือนกันนะ ถ้าหากอยากลองตลาดแมส สู้ออกแบรนด์ใหม่ไปลองเลยน่าจะดีกว่า

แค่ภาพลักษณ์ดี จะใช้กับกลุ่มนี้ได้ยาก เพราะส่วนมากผู้ปกครองกลุ่มนี้เป็น well-educated ยิ่งกับของที่ให้หมาใช้ บางทีศึกษามากกว่าของที่ตัวเองใช้อีก ดังนั้นคำว่า "ดีจริง" จึงสำคัญ

แต่ไม่จำเป็นต้อง "ดีที่สุด" เสมอไป อาจเลือกมาเป็นหัวแถวในกลุ่มใหม่ที่ Niche มากขึ้น เช่น สินค้าที่รองรับกลุ่มเฉพาะ เช่น Elder Care, หมาขนสั้น, หมาขนยาว, หมาเลี้ยงในที่แคบ ฯลฯ

⎯⎯⎯⎯

🔴 แต่ก็ไม่เกี่ยวกับหมาเรา

ทั้งหมดทั้งปวงนั้นมันเกี่ยวกับแค่ธุรกิจ

ตลาดหมาจะพีค จะขึ้น จะลง หรืออยู่จุดไหนก็ตาม ไม่ได้เกี่ยวกับคุณภาพชีวิตของน้องหมาที่เราเลี้ยง

ตรงกันข้าม เรากลับคิดว่ามันจะเป็น filter ที่ดี ที่จะช่วยให้ทั้งสินค้าและผู้เลี้ยงที่จริงจังจะอยู่ร่วมกัน ออกมาสู่สังคมได้ถูกคัดกรองคุณภาพที่สูงขึ้นด้วยธรรมชาติของตัวมันเอง

การเป็น Fast Fashion อาจไม่ใช่เรื่องดี
สำหรับคนที่อยากเน้นคุณภาพ
โดยเฉพาะเมื่อสิ่งนั้นมีผลกับชีวิตครอบครัวของเรา

จบ..

อย่าเชื่อนะ แค่วิเคราะห์จากมุมมองผ่านๆ เท่านั้นเอง

ปล. รูป trending ไม่ได้เกี่ยวอะไร แค่แนบมาให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นเท่านั้นเอง

18/07/2025

สินค้าใหม่...
Dental Powder ผงผสมน้ำดื่ม ขนาด 75 กรัม
📍 ลดพลัค
📍 ช่วยลมหายใจสดชื่น
📍 เพียงผสมในอาหารให้สัตว์เลี้ยง
📍 ใช้ได้ทั้งสุนัขและแมว
📍 ผลิตจากสาหร่ายสีน้ำตาล 100%
📍 มาตรฐาน GMP เนเธอร์แลนด์
ใช้ได้ผลจริง มีผลการวิจัยยืนยันจากยุโรป


ชี้เป้าสินค้า: https://shopee.co.th/product/65631581/41958143545/

17/07/2025

17/07/2025

ขอบคุณรูปสวยๆจากลูกค้าครับ
#อาหารสุนัข #สุนัข

17/07/2025

สินค้าเข้าแล้ว
ขอบคุณรีวิวจากฟาร์มแกสบี้เวิล์ดครับ
#หนู #แกสบี้ #อาหารแกสบี้
🙏🙏

ถูกใจ 50 ครั้ง 7 ความคิดเห็น "อาหารเม็ดสำหรับน้องแกสบี้ที่น่ารักค่ะ🐹❤️ #แกสบี้เวิลด์ #ชินชิลล่า ...