08/07/2025
ปัจจุบันกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ด้วยความที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู ขนนุ่มฟู และเลี้ยงง่ายรวมถึงการที่ไม่ค่อยส่งเสียงดังเหมือนในสุนัขและแมว คนจึงมักจะชอบเลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา ด้วยความนิยมเลี้ยงกระต่ายที่เพิ่มขึ้น ทำให้สัตวแพทย์จะได้เจอกระต่ายป่วยมาเข้ารับการรักษามากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นวันนี้เราจะมาเริ่มทำความรู้จักโรคและความผิดปกติที่เกิดกับกระจกตาและเนื้อเยื่อรอบดวงตาของกระต่ายที่เราพบเจอได้บ่อย ๆ กัน
เริ่มแรกเราต้องเข้าใจถึงลักษณะทางกายภาพของกระต่ายก่อนว่ากระต่ายมีดวงตากลมโตขนาดใหญ่ ตำแหน่งอยู่ค่อนไปทางด้านข้างตัวมากกว่าทางด้านหน้า ซึ่งช่วยทำให้วิสัยทัศน์การมองเห็นได้มากเกือบถึง 360 องศาเพื่อเฝ้าระวังภัยจากการถูกล่าในธรรมชาติ และด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาวะความผิดปกติกับดวงตากระต่ายได้ง่ายเนื่องจากผิวของกระจกตากินพื้นที่เป็นบริเวณกว้างเมื่อเทียบกับขนาดของดวงตา จึงเป็นปัจจัยโน้มนำให้เกิดแผลที่กระจกตาได้ง่าย รวมถึงมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุจากการกระทบกระแทกได้ง่ายเช่นกัน
นอกจากนี้กระต่ายยังมีท่อน้ำตาที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีรูเปิดของท่อระบายน้ำตา (lacrimal punctum) ลักษณะเป็นขีดยาวอยู่บริเวณเยื่อบุตาด้านล่าง (inferior medial fornix) เท่านั้น ซึ่งต่างจากในสุนัขที่มีรูเปิดของท่อระบายน้ำตาทั้งด้านบนและล่าง ในกระต่ายมีลักษณะของท่อทางเดินน้ำตาที่มีการวางตัวเริ่มจากหัวตาไปตามแนวจนถึงรูเปิดของโพรงจมูก ซึ่งทางผ่านจะมีการโค้งงอแบบหักศอกและตีบแคบถึงสองตำแหน่งบริเวณรากฟันกรามและรากฟันหน้า จึงทำให้ง่ายต่อการเกิดการอุดตันของท่อน้ำตา และจะได้รับผลกระทบได้ง่ายเมื่อกระต่ายมีปัญหาโรคฟัน บริเวณของหนังตากระต่ายเองไม่มีกล้ามเนื้อ แต่หนังตาบนจะปิดโดยการทำงานของ retractor oculi muscle ซึ่งทำหน้าที่ในการดึงหนังตาที่สามออกมาปิดพื้นที่สองในสามของกระจกตาด้วย
กระต่ายมีลักษณะรูม่านตาเป็นทรงกลม มีกายวิภาคของหลอดเลือดที่ซับซ้อนมาก รวมถึงมีร่างแหหลอดเลือดดำขนาดใหญ่บริเวณหลังตารวมถึงต่อมน้ำตาที่อยู่ด้านหลังลูกตาด้วย จอประสาทตาของกระต่ายมีลักษณะเป็น merangiotic pattern คือ หลอดเลือดที่จอประสาทตาจะแผ่ขยายจาก optic disc ไปพร้อมกับเส้นประสาทในแนวขวางของจอประสาทตานั่นเอง แนวการมองเห็นนั้นอยู่ในแนวระนาบเดียวกันและต่ำกว่าหลอดเลือดของจอประสาทตาและเส้นประสาทที่มาจากหลอดเลือดชั้น choroids เท่านั้น
ภาวะเปลือกตาอักเสบ
ภาวะเปลือกตาอักเสบเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อ การอักเสบ หรือเนื้องอก เป็นต้น การตรวจวินิจฉัยหากมีข้อบ่งชี้ ควรทำการตรวจทางจุลชีววิทยาหรือตรวจทางพยาธิวิทยาโดยการส่งตรวจเพาะเชื้อ ตรวจเซลล์หรือตรวจชิ้นเนื้อร่วมด้วย หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเปลือกตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อในกระต่ายคือการติดเชื้อแบคทีเรียชนิด Treponema cuniculi ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เกิดโรค rabbit syphilis มีความเชื่อว่าการติดเชื้อนี้ในลูกกระต่ายเป็นการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกตอนคลอดแบบธรรมชาติ การวินิจฉัยที่ดีที่สุดคือการเก็บตัวอย่างจากเยื่อบุตาเพื่อทำการตรวจหาเชื้อ
การรักษาทำได้โดยการฉีด penicillin G ในขนาด 40,000 IU/kg ห่างกันทุก 7 วัน ต่อเนื่องกัน 3 เข็ม และนอกเหนือจากการเกิดภาวะเปลือกตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแล้ว ยังอาจเกิดได้จากการติดเชื้อไวรัส myxoma ที่ทำให้เกิด myxomatosis ซึ่งอาจทำให้กระต่ายเสียชีวิตได้โดยจะอธิบายต่อไปในหัวข้อเยื่อบุตาอักเสบต่อไป ภาวะเปลือกตาอักเสบสามารถเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชนิด Staphylococcus spp. รวมถึงอาจเกิดจากเนื้องอกชนิด squamous cell carcinoma ได้อีกด้วย
ความผิดปกติของท่อน้ำตา
โรคตาของกระต่ายที่ได้รับรายงานมากที่สุดคือโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของท่อน้ำตา ส่วนมากมักมาจากภาวะท่อน้ำตาอักเสบ โดยภาวะท่อน้ำตาอักเสบจะพบหนองบริเวณรูเปิดของท่อน้ำตาเมื่อทำการกดบริเวณด้านล่างของหัวตา แต่ต้องระวังสับสนกับสิ่งคัดหลั่งสีขาวขุ่นที่สร้างจากหนังตาที่สามของกระต่ายที่พบได้ในกระต่ายปกติซึ่งไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ในรายที่มีภาวะท่อน้ำตาอักเสบรุนแรงจะเห็นได้ว่าต่อมน้ำตาจะขยายใหญ่ขึ้นและพบหนองอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก ภาวะท่อน้ำตาอักเสบในกระต่ายนี้สามารถเกิดได้ร่วมกับภาวะเยื่อบุตาอักเสบ ภาวะกระจกตาบวมน้ำ และภาวะกระจกตาอักเสบได้ ซึ่งสันนิษฐานได้ว่าเกี่ยวข้องกับการพบสิ่งคัดหลั่งเป็นหนองเรื้อรังที่บริเวณกระจกตาด้วย
ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นว่าโครงสร้างของท่อน้ำตากระต่ายเองมีส่วนทำให้เกิดความผิดปกติ เนื่องจากความโค้งหักศอกและตีบแคบสองตำแหน่งที่ใกล้กับรากฟันคือบริเวณ maxillary bend และ incisor tooth bend และเมื่อมีการอักเสบของท่อน้ำตาจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในการสร้างน้ำตา ทำให้น้ำตาหนืดและมีลักษณะที่ทำให้เกิดตะกอนทำให้ระคายเคืองตา และยังสามารถทำให้ท่อน้ำตาอุดตันได้ในบริเวณที่ตีบแคบดังกล่าว ในกรณีที่รากฟันยาวหรือการเกิดฝีรากฟันก็ทำให้ท่อน้ำตาตันได้เช่นกัน
การอุดตันของท่อน้ำตาหรือการที่สิ่งคัดหลั่งไม่สามารถระบายออกได้ จะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียตามมาจากการศึกษาแบบ retrospective ในกระต่ายที่มีภาวะท่อน้ำตาอักเสบ 28 ตัว พบว่า 50% ของกระต่ายที่นำมาศึกษามีปัญหาโรคฟันร่วมด้วย ดังนั้นเมื่อทำการตรวจปัญหาความผิดปกติของตาแล้วในกระต่ายเราจึงควรทำการตรวจช่องปากและฟันร่วมด้วย เนื่องจากหากมีความผิดปกติของฟันหรือรากฟันก็มีแนวโน้มทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคตาตามมา
ในอดีตมีการรายงานว่าท่อน้ำตาอักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียส่วนมากเกิดจากเชื้อ Pasteurella sp. แต่จากการสืบสวนโรคในปัจจุบันพบว่าเกิดจากแบคทีเรียชนิดอื่นได้มากขึ้น เช่น Staphylococcus sp., Moraxella sp., Oligella urethralis, Pseudomonas sp. และ Streptococcus viridans เป็นต้น
อย่างไรก็ตามเชื้อแบคทีเรียพวกนี้สามารถตรวจพบได้ทั้งในกระต่ายป่วยและกระต่ายปกติเช่นกัน จึงต้องระมัดระวังในการแปลผลจากการเก็บตัวอย่างด้วย การตรวจท่อน้ำตาอักเสบควรทำการตรวจเพาะเชื้อจากสิ่งคัดหลั่ง, ตรวจด้วย Jones test, ล้างท่อน้ำตา, ตรวจช่องปาก และถ่ายภาพรังสีกะโหลกและฟัน หากมีข้อบ่งชี้ รวมถึงอาจทำ CT-scan เพิ่มเติม หรือฉีดสีเข้าท่อน้ำตาแล้วทำการถ่ายภาพรังสีเพื่อหาตำแหน่งที่อุดตัน (dacryocystorhinography) ร่วมด้วย
การรักษาภาวะท่อน้ำตาอักเสบอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนานโดยเฉลี่ยประมาณ 5.8 สัปดาห์ จากการศึกษาแบบ retrospective analysis ในกระต่าย 28 ตัว แต่กระต่ายป่วยที่อยู่ในการศึกษานี้มีแนวโน้มอาการเริ่มดีขึ้นในระยะเวลาที่สั้นกว่านั้น การรักษาโดยการใช้ยาปฏิชีวนะเฉพาะที่หรือยาหยอดตามักเป็นตัวเลือกแรกในการรักษาถึงแม้ว่าจะมีกระต่ายหลายตัวจำเป็นต้องได้รับการรักษาด้วยยากินหรือฉีดร่วมด้วยก็ตาม การให้ทานยาลดการอักเสบก็สามารถทำได้เพื่อช่วยลดอาการปวดและการอักเสบรวมถึงการล้างท่อน้ำตาด้วย sterile saline, ยาปฏิชีวนะ, acetylcysteine หรือใช้ยาหลายชนิดร่วมกันได้
กระต่ายที่มีปัญหาฟันสบกันผิดปกติหรือปัญหาโรคฟันอื่น ๆ ร่วมกับปัญหาท่อน้ำตาอักเสบ ควรได้รับการรักษาโรคฟันร่วมด้วยจะช่วยทำให้ปัญหาท่อน้ำตาอักเสบดีขึ้นได้ แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาเช่นกัน ถึงแม้จะรักษาหลายวิธีร่วมกันแล้วก็ตาม ผลก็ยังออกมาไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งแนวโน้มเกิดได้จากภาวะความรุนแรงของโรคที่มากกว่าตัวอื่น ๆ นั่นเอง
การล้างท่อน้ำตาในกระต่ายเราต้องพึงระวังและระลึกเสมอว่าท่อน้ำตากระต่ายนั้นบอบบางและระคายเคืองง่าย ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ท่อโลหะแข็งเนื่องจากมีโอกาสแทงทะลุผนังท่อน้ำตาได้ แนะนำให้ใช้ catheter แบบนิ่มขนาดเล็กแทน ก่อนทำการล้างท่อน้ำตาให้ทำการหยอดยาชา (tetracaine eye drop) จากนั้นใช้ catheter แบบนิ่มขนาดเล็กสอดเข้าไปในตำแหน่ง lacrimal puncta ซึ่งจะอยู่ลึกลงไปบริเวณด้านล่างของ ventromedial fornix ของหนังตาล่าง ให้สอดเข้าไปอย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ หากเกิดการแตกของ lacrimal sac จะพบว่าเมื่อเราดันของเหลวเข้าไปเพิ่มขึ้นตาจะยิ่งโปนออกมา เนื่องจากของเหลวจะเข้าไปอยู่บริเวณช่องว่างของเนื้อเยื่อรอบตาแทน และเมื่อตาโปนออกมาบริเวณกระจกตาจะมีโอกาสถูกขีดข่วนหรือเป็นแผลได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้นจึงต้องเพิ่มความระมัดระวังไม่ให้เกิดแผลที่กระจกตาด้วย
การล้างท่อน้ำตาสามารถทำได้โดยไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ แต่หากมีการวางยาสลบเพื่อทำหัตถการอื่นอยู่แล้วแนะนำให้ล้างท่อน้ำตาในขณะสลบเพื่อช่วยลดความเครียดในการทำหัตถการล้างท่อน้ำตาได้และยังสามารถล้างท่อน้ำตาได้ง่ายขึ้นด้วย ขณะทำสามารถดึงหนังตาล่างออกมาอย่างเบามือเพื่อให้มองเห็นตำแหน่งที่ถูกต้องและสอด catheter เข้าไปได้ง่ายขึ้น และการล้างท่อน้ำตาทั้งสองข้างหากเป็นไปได้แนะนำให้แยกใช้ catheter ใหม่ในแต่ละข้างเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อต่าง ๆ ด้วย
โดยปกติแล้วจะใช้ syringe 3 ซีซี ในการต่อกับ catheter เพื่อล้างท่อน้ำตาและใช้ของเหลวดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ในขณะที่ดันของเหลวให้ทำการดันก้าน syringe โดยใช้นิ้วชี้เบา ๆ และดันเป็นช่วงสั้น ๆ และสามารถขยับ catheter ขึ้น-ลง เพื่อช่วยเปิดทางการระบายของเหลวในท่อน้ำตาหากมีสั่งคัดหลั่งอุดตัน สามารถทำการล้างท่อน้ำตาทุกวันหรือ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ได้ในกรณีที่มีการติดเชื้อรุนแรง
ภาวะตาแห้ง
กระต่ายมีต่อมน้ำตา 5 แห่งที่ช่วยในการสร้าง tear film ประกอบด้วย Harderian, nictitating, lacrimal, infraorbital และ extraorbital gland ต่อมน้ำตาพวกนี้จะกินพื้นที่ส่วนใหญ่ของพื้นที่หลังตา ดังนั้นหากมีโรคที่ต่อมน้ำตาอันใดอันหนึ่งก็จะทำให้ตาโปนออกมาได้ ในกระต่ายสามารถเกิด nictitating gland prolapse ได้เหมือนในสุนัข ซึ่งการรักษาทำได้โดยการผ่าตัดเช่นเดียวกันเพื่อความสวยงามและหลีกเลี่ยงการพัฒนาไปสู่ภาวะตาแห้ง โดยปกติแล้วกระต่ายจะกระพริบตาแค่ 3-4 ครั้งต่อชั่วโมง โดยไม่มีภาวะตาแห้ง เนื่องจาก tear film ในกระต่ายจะอยู่ได้อย่างยาวนานประมาณ 20 วินาที การสร้างน้ำตาในกระต่ายจะอยู่ที่ 5.2-7.7 มม./นาที เมื่อวัดโดยการทดสอบด้วย Schirmer tear test (STT)
เนื่องด้วยการใช้แถบวัดน้ำตาซึ่งมีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับดวงตาของกระต่ายพันธุ์เล็กจึงมีแนวโน้มทำให้เกิดการระคายเคืองตาหรือทำให้เกิดแผลที่กระจกตาได้ง่าย จึงมีการศึกษาด้วยวิธีอื่นๆเช่น Phenol red thread testing จะเหมาะกับสัตว์ที่มีดวงตาขนาดเล็กและผลิตน้ำตาได้น้อยมากกว่าการวัดด้วย STT เนื่องจากอุปกรณ์ที่ใช้มีลักษณะเป็นเส้นด้ายขนาดเล็กที่เต็มไปด้วย phenol red ซึ่งเป็น pH sensitive indicator ก่อนใช้จะมีสีเป็นสีเหลืองเมื่อสัมผัสน้ำตาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงวัดโดยใส่ปลายข้างหนึ่งในบริเวณ ventral conjunctival cortex แล้วอ่านผลเมื่อครบ 15 วินาที มีการรายงานผลในกระต่ายสายพันธุ์ New Zealand White พบค่าเฉลี่ยในการสร้างน้ำตาอยู่ที่ประมาณ 20.88 มม.ใน 15 วินาที หรืออยู่ในช่วง 15-27 มม.ต่อ 15 วินาที
การวัดน้ำตาด้วย paper point tear testing(PPTT) ก็สามารถทำได้ในกระต่ายเช่นกัน ซึ่งพบการระคายเคืองน้อยกว่าการวัดด้วย STT เนื่องจากขนาดของ strip ที่ใช้ขนาดเล็กกว่า การสร้างน้ำตาในกระต่ายที่วัดโดย PPTT จะอยู่ที่ 13.8 บวกลบ 1.5 มม.ต่อนาที แต่ไม่ว่าจะวัดการสร้างน้ำตาด้วยวิธีใดสิ่งสำคัญคือกระต่ายแต่ละสายพันธุ์จะมีระดับการสร้างน้ำตาที่แตกต่างกันออกไปด้วย ถึงแม้ว่าภาวะตาแห้งในกระต่ายจะพบได้น้อย กระต่ายก็ยังคงถูกใช้เป็นตัวแทนมนุษย์ในการทดลองการใช้ยารักษาภาวะตาแห้งอยู่ดี โดยกระต่ายจะถูกกระตุ้นให้มีภาวะตาแห้งด้วยวิธีต่าง ๆ ก่อน แล้วค่อยนำมาทดลองประสิทธิภาพของยากระตุ้นการสร้างน้ำตาและช่วยลดการอักเสบ
จากการศึกษาพบว่ากระต่ายจะตอบสนองต่อการรักษาด้วยยา 0.05% cyclosporin หลังจากได้รับยาไปหลายสัปดาห์ และยังตอบสนองต่อการให้ยาหยอดตา dexamethasone เพื่อลดการอักเสบด้วย บ่งชี้ให้เห็นว่าการรักษาภาวะตาแห้งที่ใช้ในสัตว์ชนิดอื่นก็สามารถนำมารักษาภาวะตาแห้งในกระต่ายได้เช่นกัน
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมภาพประกอบและหัวข้อเรื่อง ภาวะเยื่อบุตาอักเสบ, ภาวะเยื่อบุตาเจริญเติบโตผิดปกติ, ภาวะกระจกตาอักเสบ ต่อได้ที่ : https://readvpn.com/article/detail/Eye%20diseases%20and%20abnormalities%20that%20are%20common%20in%20rabbits
บทความโดย : สพ.ญ.ชวพร ต่อศรี
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,000 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :