
05/06/2025
ประวัติ 'น้อยหน่า' เข้าไทยตั้งแต่กรุงศรีอยุธยา
ทำความรู้จัก Sugar Apple (น้อยหน่า) หนึ่งในผลไม้ต่างแดน ที่ผูกพันเข้ากับประเทศไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา
“Sugar Apple” มีชื่อเรียกภาษาไทยว่า “น้อยหน่า” เป็นผลไม้ที่พบมากที่สุดในทวีปอเมริกากลางจนถึงใต้ และได้รับความนิยมในประเทศไทย มีลักษณะเด่นที่เปลือกสีเขียวขรุขระลักษณะเป็นตุ่มนูนหรือเป็นตา มีเนื้อสีขาวและเมล็ดเล็กสีดำ ซึ่งรสชาติของน้อยหน่านั้นมีคววามหอมหวานและนุ่มคล้ายคัสตาร์ด จึงทำให้มีชื่อเรียกที่นิยมกันอีกชื่อว่า Custard Apple
น้อยหน่าเป็นพืชที่ทนต่ออากาศแห้งแล้ง และเติบโตได้ดีในบริเวณที่อากาศอบอุ่น ในปัจจุบันจึงเป็นพืชที่พบได้ในหลายประเทศเขต Neotropic ของทวีปอเมริกาและทะเล Carribean และยังสามารถเติบโตเข้ากับระบบนิเวศของหลายประเทศ ตั้งแต่เม็กซิโก ทวีปแอฟริกา ออสเตรเลีย และ ทวีปเอเชีย
น้อยหน่าไม่มีการบันทึกไว้ว่ามีถิ่นกำเนิดที่แท้จริงในทวีปใด แต่เป็นผลไม้ท้องถิ่นของทวีปอเมริกาใต้มาอย่างช้านาน มีการคาดการณ์ว่าน้อยหน่าถูกกระจายไปยังทวีปอื่น ๆ โดยชาวโปรตุเกส ช่วงศตวรรษที่ 16 ถึง 17 เป็นยุคสมัยที่โปรตุเกสเริ่มเดินทางเพื่อทำการค้าในประเทศต่าง ๆ โดยประเทศแรกที่น้อยหน่าเดินทางไปถึงคือประเทศอินเดีย ก่อนที่ชาวโปรตุเกสจะล่องเรือมาจนถึงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั่นเอง
น้อยหน่าถูกนำเข้าประเทศไทยโดยชาวโปรตุเกสในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกัน ซึ่งตรงกับสมัยอยุธยา พร้อมกับพืชพรรณอีกหลายชนิดที่คนไทยในปัจจุบันคุ้นเคยเป็นอย่างดี เช่น สับปะรด ฟักทอง มะละกอ ข้าวโพด และมันประเภทต่างๆ โดยชื่อของน้อยหน่าและผลไม้ในตระกูลเดียวกัน ถูกเรียกในภาษาโปรตุเกสว่า “anona” (อาโนนา) จึงคาดว่าเป็นที่มาของคำว่า “น้อยหน่า” นั่นเอง
นอกจากนี้ น้อยหน่ายังมีความคล้ายคลึงกับ “น้อยโหน่ง” ผลไม้ที่มาจากชาวโปรตุเกสเช่นเดียวกัน แม้ว่ารูปร่างภายนอกจะคล้ายกันมาก แต่ผลน้อยโหน่งจะมีเมล็ดมากกว่า รสชาติหวานน้อยกว่า และมีกลิ่นฉุน จึงทำให้ไม่ได้รับความนิยมเท่าน้อยหน่า
น้อยหน่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย แม้ว่าในประเทศไทยกำลังการผลิตเพื่อส่งออกจะไม่สูง แต่ก็มีการปลูกตามบ้านเรือนหรือไร่ขนาดเล็กโดยทั่วไป ฤดูกาลโดยธรรมชาติของน้อยหน่าจะอยู่ในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ถึงแม้จะชอบอากาศร้อนแห้ง แต่หากมีแหล่งน้ำที่เพียงพอและมีการตัดแต่งกิ่ง น้อยหน่าก็สามารถออกผลได้ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ น้อยหน่ายังเป็นพืชเศรษฐกิจในหลายประเทศ เช่น บราซิล อียิปต์ และแอฟริกา เป็นต้น
ปัจจุบัน น้อยหน่าในประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์หลัก ได้แก่ น้อยหน่าฝ้าย และน้อยหน่าหนัง น้อยหน่าฝ้ายหรือน้อยหน่าพื้นเมือง เป็นน้อยหน่าที่มีมาแต่อดีต แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ชนิดแรกคือน้อยหน่าฝ้ายเขียว เปลือกจะมีสีเขียว อีกชนิดจะเป็นน้อยหน่าฝ้ายครั่ง จะมีความพิเศษที่เปลือกสีม่วงแดง เนื้อสีขาวอมชมพู และมีความหยาบยุ่ยมากกว่าน้อยหน่าฝ้ายเขียว
ส่วนน้อยหน่าหนัง เป็นสายพันธุ์ที่มาจากประเทศเวียดนาม ซึ่งคำว่าหนัง นั้นมาจากชื่อเมืองดานังในเวียดนาม มีทั้งแบบผลสีเขียวและสีเหลือง (เรียกว่า น้อยหน่าหนังทอง) โดยน้อยหน่าหนัง เนื้อจะเหนียวจับตัวกันมากกว่าน้อยหน่าฝ้าย เมื่อสุก เปลือกจะล่อนออกจากเนื้อได้ง่าย
ในปัจจุบันในประเทศไทยก็ยังคงมีการพยามพัฒนาสายพันธุ์เพื่อให้ได้น้อยหน่าที่มีความสมบูรณ์ทั้งกลิ่น เนื้อสัมผัส และรสชาติ เช่น น้อยหน่าอติมัวย่า (Annona atemoya Hort.) หรือน้อยหน่าเพชรปากช่อง เป็นการผสมระหว่างน้อยหน่าและเซริมัวย่า (Cherimoya) ผลไม้ในวงศ์ตระกูลเดียวกัน ทำให้ได้ลักษณะที่ผลมีขนาดใหญ่มาก เนื้อแน่นไม่แตกยุ่ย และมีรสหวาน เมล็ดน้อย และสามารถเก็บได้นานหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งน้อยหน่าเพชรปากช่องก็ยังคงเป็นพืชที่นิยมปลูกจนถึงปัจจุบัน
ผลของน้อยหน่าเป็นแหล่งของสารอาหารมากมาย มีสารต้านอนุมูลอิสระ อุดมไปด้วยวิตามินบีและซี พร้อมด้วยแร่ธาตุหลากหลายชนิด โดยเฉพาะแมงกานีส สารอาหรเหล่านี้สามารถดูแลทุกส่วนของร่างกายให้แข็งแรง และยังสามารถใช้เป็นยารักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือฝีในลำคอได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ส่วนเมล็ด ใบ เปลือกลำต้น และราก ก็ยังสามารถนำมาทำเป็นยาได้หลากหลายชนิด เช่น การนำเมล็ดและใบ มาใช้ในการรักษาเหาหรือเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยง ซึ่งใบน้อยหน่ายังสามารถนำมาทำเป็นยากำจัดแมลงศัตรูพืชได้ รากของต้นน้อยหน่าก็สามารถใช้เป็นสมุนไพรล้างพิษ หรือเป็นยาช่วยขับถ่าย เป็นต้น
สามารถเลือกซื้อผลไม้สดใหม่หลากหลายชนิดได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
อ่านบทความอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ : https://www.rimping.com/categoryblog