01/07/2024
ตั้งแต่ได้ใช้ชีวิตร่วมกับสุนัขพันธุ์อาคิตะญี่ปุ่นมา 3 ปีกว่า เห็นมาแล้วอย่างน้อย 2 บ้านที่ต้องประกาศแจกหมา เนื่องจากกัดกันไม่เลิกลา ซึ่งก็เห็นว่าทางบ้านก็เสียใจเป็นกวงทางหมาที่ต้องย้ายบ้านก็คงเครียดเศร้า และตอนนี้ก็มีเพื่อนบ้านนึงที่มีปัญหาอยู่
บ้านเราเองก็เคยมีปัญหานี้และก็แก้สำเร็จลุล่วงไปได้ เลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์กันว่าเราทำอย่างไร เผื่อให้เป็นแนวทางในการแก้ปัญหาของบ้านอื่นๆ ทั้งนี้ขอออกตัวก่อนว่า คนเขียนนี่ก็ไม่ได้เคยล่ำเรียนหรือศึกษาวิธีการฝึกสุนัขอะไรมาใดๆ อาศัยว่าเลี้ยงหมามาทั้งชีวิต เป็นนักวิทย์สายไบโอ ซึ่งศึกษาพฤติกรรมสัตว์ในธรรมชาติมาบ้าง แล้วก็อาศัยไล่อ่านและปรึกษามืออาชีพมา จนแก้ปัญหาของที่บ้านได้สำเร็จ
ที่จะเขียนให้อ่านกัน เกิดจากประสบการณ์ตรง ลองผิดลองถูกกันอยู่สักพัก จนแก้ปัญหาได้สำเร็จ เลยเขียนให้อ่านเป็นแนวทางกันครับ
1. ต้นเรื่อง
ที่บ้านมีอาคิตะญี่ปุ่น 2 ตัว หมาพันธุ์นี้ เป็นหมาตัวโต แต่หน้าตาน่ารักน่าเกรงขาม เป็นหมาที่แต่ก่อนคนญี่ปุ่นเลี้ยงไว้ล่าสัตว์ขนาดใหญ่ กัดกันและเฝ้าบ้าน จึงมีความดุอยู่ในตัว แต่ก็ไม่ได้ดุงี่เง่าพูดไม่รู้เรื่อง เป็นหมาที่มีเหตุมีผลและพูดเชื่อฟัง เช่นมีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้าน เค้าจะลุกไปเห่า เตือนให้เรารู้ว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามา แต่ถ้าเราบอกว่าไม่เป็นไร เค้าก็จะหยุดทันที อาจจะเดินไปดมๆสำรวจให้พอใจแล้วก็กลับไปอยู่ของเค้า ไม่ใช่หมาที่ดุพูดไม่รู้เรื่องต้องจับไปล่ามหรือใส่กรงอะไร
บ้านเราคนอยู่หลายคน มีทั้งเด็กทั้งคนแก่ แต่หมาทุกตัวรู้และได้รับการฝึกมาตั้งแต่เด็กว่า คนทั้งบ้านไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่หรือ คนชรา อยู่เหนือเค้าทุกคน คนในครอบครัวทุกคนเป็นจ่าฝูง หมากินข้าวอยู่ คนไปยกจานหนีก็ยอมกันเฉยๆ จะได้กินขนมอะไร ต้องนั่ง ให้มือ ต้องขอถึงได้กิน กินอะไรอยู่เล่นอะไรอยู่ คนเดินไปหยิบต้องยอม และข้อสำคัญ หมาทุกตัวในบ้านรับรู้ว่าทุกคนรักเค้าและเราก็มั่นใจว่าเค้าก็รักทุกคนเช่นกัน
ตอนแรกที่บ้านมีอยู่ 2 ตัว ผู้กับเมีย ทั้งสองแอบได้เสียกัน ในคืนวันฝนตกคืนหนึ่ง ลูกคลอดมา 3 ตัว ตัวผู้ทั้งหมด ทางบ้านเลือกเก็บไว้ตัวนึงเพราะเป็นตัวที่ชอบเล่นกับแม่ สนิทกันที่สุด สงสารแม่ ไม่กล้าให้/ขาย ลูกไปหมด ทั้งๆที่รู้ว่าการเลี้ยงอาคิตะเพศเดียวกันไว้ในบ้าน มีความเสี่ยงสูงมากที่จะทะเลาะกัน แต่ก็ลองดู มั่นใจว่าความรักที่มีให้ จะทำให้บ้านเราไม่มีปัญหา
สาม พ่อ แม่ ลูก ก็อยู่ด้วยกันมาอย่างปกติสุขดี เล่นกัน แบ่งของเล่นกัน นั่ง นอน กิน เดิน ด้วยกัน ตลอดไม่เคยห่างกันเลย อยู่กันเป็นครอบครัวน่ารักมาก
2. ปัญหามาแล้ว
หนึ่งปีผ่านไป ลูกก็เริ่มโตขึ้น แม่ก็เป็นสัดอีกครั้ง ลูกเป็นหนุ่มแล้ว โตเกือบเท่าพ่อ ด้วยความที่เป็นหมา ก็ไปดมๆสนใจแม่ พ่อเห็นก็เลยโมโหกัดสั่งสอน แล้วทั้งสองพ่อลูกก็เลยไม่ไว้ใจกัน กัดกันจริงจังมาก ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ตั้งแต่นั้นมา
3. วิธีการในตอนแรก
3.1 แยกแม่หนีไปฝากกับร้านหมอ รอให้หายเป็นสัดก่อน ถึงพากลับบ้าน แต่ก็พบว่าสายไปแล้ว พ่อลูกไม่หยุดกัดกันอยู่ดี
3.2 พยามแยกไม่ให้เจอกัน
3.3 ทุกครั้งที่กัดกัน ทางบ้านก็จะคอยแยก ไม่ปล่อยใหักัดกัน
3.4 ตอนแรกใส่แต่ปลอกคอก็ดึงปลอกคอ แต่ดึงปลอกคอมันใกล้ปากหมาที่จะกัดกันเกินไป แล้วก็กลัวหลอดลมหลอดอาหารน้องพัง เลยจับใส่สายรัดอกแบบที่มีหูหิ้วที่หลังไว้ทั้งคู่พร้อมสายจูงสั้นๆตลอดเวลา ถ้าพลาดดันมาเจอกัน กัดกัน ก็จับดึงสายจูงหรือหิ้วสายรัดอกแยกออกมาได้ง่ายกว่า
3.5 สองพ่อลูกจะมีเวลาสลับกัน ตัวนึงอยู่ในบ้าน อีกตัวจะอยู่นอกบ้าน แต่ที่บ้านดันมีประตูบางบานเป็นกระจก กลายเป็นว่าทะเลาะกันผ่านกระจก ก็ต้องหาอะไรมาปิดกระจกรอบบ้านด้วย
3.6 สองเดือนผ่านไปก็ยังกัดกันอยู่ เลยสรุปว่าจับพ่อไปทำหมันก่อนเพราะอายุถึงแล้ว เพื่อให้ฮอร์โมนเพศลดลง อาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
วิธีทั้ง 6 นี้ สรุปว่าไม่ได้ผล พลาดปล่อยให้เจอกันเมื่อไหร่ก็กัดกันอยู่ดี เป็นเดือนผ่านไปก็ไม่หยุด ทางบ้านกลุ้มใจมาก กำลังคิดว่าจะต้องแยกบ้านเอาลูกให้คนอื่นไปเลี้ยงไหม แต่ก็ทำใจกันไม่ได้ เลยพาไปหาโรงเรียนสอนสุนัขที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง เอาพ่อลูกไป ไปดูสถานที่ คุยกับครูฝึกอยู่นานมาก ได้ความรู้หลายอย่าง แต่เสร็จแล้วก็สรุปกันว่าจะลองจัดการกันเองดูก่อน เพราะต้องอยู่กับทางโรงเรียนนานมาก ค่าใช้จ่ายสูงมาก และด้วยความที่ตอนนั้นทางเจ้าของหมาเอง ก็กำลังอินกับหนังสือที่เล่าถึงพฤติกรรมของหมาป่าที่ Yellow stone ซึ่งก็เห็นว่าพ่อกับลูกชายเค้าก็สามารถอยู่ร่วมฝูงกันได้นี่หว่า ก็เลยไม่ถอดใจ อาคิตะเป็นหมาพันธุ์โบราณที่มีความใกล้เคียงกับหมาป่า ถ้าในธรรมชาติพ่อลูกชายเค้าอยู่ด้วยกันได้ เราก็ต้องจัดการฝูงของเราให้ได้ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณทางโรงเรียนที่ให้ไอเดียและให้ความมั่นใจกับเราว่าเป็นไปได้
4.
สิ่งที่เราต้องยึดเป็นหลักการ Mission Statement เลยคือ “เลิกทำตัวเป็นพ่อแม่หมาใจดีหรือเป็นทาสหมา เราต้องเป็นจ่าฝูง ต้องเป็น Alpha ในฝูงหมาป่า ทุกตัวต้องเชื่อฟังจ่าฝูง จ่าฝูงบอกให้ไม่ทะเลาะกัน ก็ต้องไม่ทะเลาะกัน”
5.
ในฝูงหมาป่ามีการจัดลำดับชั้นในฝูงกันชัดเจน ใครใหญ่สุด ใครรอง ใครเป็นอะไรไปเรื่อยๆ ดังนั้น เจ้าพ่อลูกทั้งคู่ ก็ต้องมีการจัดลำดับชั้นเหมือนกัน ว่าตัวไหนจะเป็น “รอง” จากเรา ที่ผ่านมาก็สังเกตเห็นแหล่ะ ว่ากัดกันทีไร พ่อมันชนะทุกที เพียงแต่พอเราไปห้ามไปแยก มันก็เลยเหมือนไม่จบแบบยอมรับกันจริงๆเสียที ครูฝึกที่ศูนย์บอกว่าต้องปล่อยให้กัดกันบ้าง ให้มีตัวแพ้ มีเลือดตกยางออกบ้างก็ต้องยอม เย็บเป็นเย็บ เพราะถ้ากัดกันก็แยก กัดกันก็แยก มันจะไม่รู้สักทีว่าตัวไหนต้องยอมตัวไหน ซึ่งเอาจริงๆก็ทำใจยากมากที่ต้องยืนดูเค้ากัดกัน
ซึ่งหลังจากนั้น ทีนี้ถ้าพลาดดันหลุดมากัดกัน ก็ปล่อยเลยจ้าาาาา กัดกันจนมีตัวนึงที่ยอมหมอบลงไปกับพื้นหรือนอนหงายท้อง หรือจากเสียงแง่งๆเริ่มมีเสียงเอ๊งๆ ซึ่งก็โชคดีว่าลูกยังตัวเล็กกว่าหน่อย แพ้ตลอด เราก็คอยดู พอเห็นแล้วว่ามีตัวแพ้ ก็ไปแยกออกตอนนั้น ทั้งนี้จะบอกว่าการที่ใส่สายรัดอก ให้ซื้ออันใหญ่ๆหนาๆมา ช่วยป้องกันไม่ให้กัดกันเลือดตกยางออกได้ระดับหนึ่ง สังเกตว่าบางทีกัดกันแต่ไอ้ตรงสายรัดนั่นแหล่ะ ไม่โดนเนื้อกันหรอก แต่…ก็มีหน้าแหกไปหน่อยนึง พ่อยังมีแผลอยู่จนทุกวันนี้
ปล่อยให้กัดกันอยู่สัก 3-4 ที และลูกแพ้ทุกครั้ง ครั้งต่อมา จะเห็นเลยว่าลูกออกอาการยำเกรงพ่อเยอะขึ้น เวลาขู่กัน เริ่มเห็นว่าหลบตาล่อกแล่ก ขาสั่น ซึ่งตรงนี้ก็บอกว่า กรณีของบ้านเราอาจจะง่ายกว่าของบ้านอื่น ตรงที่เป็นพ่อกับลูกที่ ลูกยังโตไม่เต็มที่ และมีตัวที่แพ้ชนะชัดเจนและแพ้ค่อนข้างเร็ว ไม่ได้กัดกันนานจนเกินไป
6.
เห็นว่ามีแพ้ชนะแล้วก็แยก แต่คราวนี้แยกแล้วไม่แยกเฉยๆเหมือนทุกครั้ง เราต้องแสดงให้ทั้งสองพ่อลูกเห็นว่า เราเป็นจ่าฝูงและจ่าฝูงไม่ชอบให้กัดกัน แยกแล้วผมจะลากพ่อลูกไปเข้าคนละมุม แล้วยืนดุด่าทั้งสองตัวเสียงดังโวยวายลั่นบ้าน รองเท้าแตะตีกับพื้นเสียงดังๆ ยิ่งเป็นcroc เสียงจะดังกังวาลกว่ารองเท้าแตะทั่วไป แล้วพอดีตอนนั้นได้หมวกสีแดงๆเป็นผ้าใบบางๆมา ก็เอาหมวกนี่แหล่ะตีที่ตัวบ้างที่หัวบ้าง ไม่เจ็บหรอก ลองดีแขนตัวเองแล้ว พวกหมามีขนปุยๆยิ่งไม่เจ็บ แต่เสียงมันจะดังพับๆๆหน้ากลัวเหมือนกัน โดนเงื้อทีก็หลับตาปี๋ หมอบหูลู่ ทั้งพ่อทั้งลูก และที่เคยอ่านมา หมาที่ยอมแพ้จริงๆคือต้องนอนหงายท้องด้วย ก็จับนอนหงายท้องเลย ดุด่าให้กลัวให้จำว่าไม่ชอบให้กัดกัน ห้ามกัดกัน ไม่งั้นกูโกรธ ไม่งั้นพวกเจ้าจะถูกลงโทษ แง่งๆๆๆ อ่านมาถึงตรงนี้ ชัดเจนว่าในบ้านต้องมีคนยอมเป็นผู้ร้าย ต้องมีคนที่แข็งพอที่จะเอาหมาอยู่ ถ้ายอมหมากันทั้งบ้านจะแก้เรื่องนี้ได้ยากมากๆ
7.
ถึงตรงนี้ภรรยาผมเห็นก็เริ่มสงสารแล้ว พ่อปล่อยให้กัดกันเลือดตกยางออกเสร็จแล้วก็ดุด่าหมาลั่นบ้านโหดร้ายแท้ เธอบอกว่าการแก้ปัญหาต้องแก้ด้วยทั้งกำลังและสันติ เราต้องมีการส่งเสริมพฤติกรรมทางบวกบ้าง แม่มันบอกว่าสองพ่อลูกมันก็รักกันแหล่ะ แต่ตอนนี้มันไม่ไว้ใจกัน แยกไว้เจอกันก็กัดกันทุกที ดังนั้นเราต้องไม่แยก จับล่ามตัวละเสาให้มันนั่งมองหน้ากันจะๆไปเลย
ตอนแรกที่ใส่สายจูงมาเจอหน้ากัน พ่อลูกก็ขู่จะกัดกันท่าเดียว ก็จับมัดเสาเลย เอาแค่ให้สายตึงแล้วไม่ถึงกัน ปล่อยให้ขู่กันไป พอไม่มีใครสนใจ สักพักก็เหนื่อย ก็เบื่อกันไปเอง เลิก ต่างคนต่างนอนกันคนละฝั่งเสา พอหมาเลิกขู่เลิกเห่าใส่กัน เราก็มานั่งพูดจาดีๆด้วย เอาขนมมาให้กิน มาเล่นด้วย ให้เค้าเห็นว่าถ้าเลิกกัดกันก็จะได้รางวัล
ก็ทำแบบนี้ทุกวัน วันละ 2-3 ชั่วโมง แล้วก็แยกย้ายกันไปก่อน ทำอยู่สัก 2 อาทิตย์ได้ ก็เริ่มสงบ จูงมาเจอกันก็มีขู่นิดหน่อยแล้วก็เลิก ต่างคนต่างอยู่กันไป
8.
พอเริ่มมองหน้ากันได้ ก็ลองปล่อยดูตัวนึง แล้วถือหมวกแดงอาวุธคู่ใจเฝ้าดูอยู่ห่างๆ ก็พบว่าตัวที่ถูกปล่อยก็เดินหนีแยกไปอีกทาง ไม่ได้พุ่งไปจะกัดกับอีกตัวที่ล่ามอยู่ ลองสลับๆ พลัดกัน ปล่อยพ่อทีลูกที ก็พบว่าปล่อยแล้วแยกเดินหนีไป ตอนหลังลองปล่อยพร้อมกันสองตัว ก็แยกย้ายกันไป นอนมองหน้ากันห่างๆ เริ่มอยู่ด้วยกันได้แล้ว แต่ยังไม่ไว้ใจกัน สังเกตว่าเค้าจะไม่ละสายตาจากกันเลย นอนก็นอนหันหน้าหากัน อยู่กันห่างๆอย่างห่วงๆ
ถึงตรงนี้เผลอก็ยังกัดกันบ้าง กัดกันก็แยก แล้วก็โดนดุเหมือนเดิม หลายวันผ่านไป การกัดกันก็ห่างขึ้นเรื่อยๆ ดีขึ้นเยอะ บางทีขู่กันเฉยๆ พอไม่มีใครสนใจก็เลิกลาขู่กันไปไม่ถึงกับกัดกัน เริ่มเห็นแสงสว่าง แต่สองพ่อลูกยังไม่ยอมเล่นกันเหมือนเดิม ก็ต้องมีมาตรการต่อไป
9.
พาไปเดินเล่นกัน การเดินเล่นรอบหมู่บ้านเป็นช่วงเวลาที่พวกเค้ามีความสุข เราก็จูงไปคนละตัวให้เค้าได้มีเวลาดีๆร่วมกัน ตอนแรกก็ห่างๆกันหน่อย แล้วก็ค่อยๆเดินติดกันขึ้นเรื่อยๆ ติดกันไปเรื่อยๆ พาวิ่งให้เหนื่อยหมดแรง กลับมาถึงบ้านสิ่งแรกที่ทุกตัวจะทำทุกครั้งคือจะวิ่งไปกินน้ำ ก็ปล่อยเลย สองพ่อลูกวิ่งไปกินน้ำถ้วยเดียวกัน เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปนั่งหอบคนละมุมบ้าน ยังไม่เล่นกัน แต่เริ่มอยู่ด้วยกันได้แล้ว ใกล้กันขึ้นกว่าตอนแรก ก็ค่อยๆให้คุ้นเคยกันไป
หลายเดือนผ่านไป เริ่มมีความไว้ใจกันมากขึ้น ก็เริ่มมีการชวนกันเล่น เริ่มง้อกันบ้าง และในที่สุดก็ยอมกลับมาเล่นกัน อยู่กันเป็นครอบครัวสามพ่อแม่ลูกเหมือนเดิม
10.
หลังจากผ่านพ้นช่วงที่เลวร้ายที่สุดมาแล้ว ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนในบ้านต้องช่วยกันสังเกตพฤติกรรมว่าอะไรเป็น ชนวนที่จะทำให้เค้ากลับมาทะเลาะกันอีก เช่น
10.1 ห้ามแยกจากกันเด็ดขาด สองพ่อลูก ต้องอยู่ด้วยกัน เห็นหน้ากันตลอดเวลา แยกเมื่อไหร่ พอกลับมาเจอหน้ากัน ก็จะมองหน้ากันไม่ไว้ใจ กัดกันอีก ต้องให้อยู่ด้วยกันตลอด ตัวหนึงอยู่นอกบ้าน อีกตัวอยู่ในบ้าน มองผ่านประตูกระจกก็ขู่ใส่กันแล้ว ต้องลากไปปล่อยออกข้างนอกอีกประตู แล้วไปยืนเฝ้า พอมาเจอกันข้างนอกก็เลิกขู่กัน แต่ย้ำว่าสองตัวที่บ้านแยกกันไม่ได้เลย นี่เป็นปีผ่านไป ลูกหนีไปตากแอร์ชั้นสาม กลับลงมาเจอพ่อข้างล่างก็ยังขู่กันเลย
10.2 ต้องไม่สนใจ ที่ผ่านมาสังเกตว่าพอขู่กันแล้วไปยืนดุด่าตวาดว่าไม่ให้กัดกันให้หยุด จะกลายเป็นเหมือนยิ่งยุ ต้องเดินหนีไม่สนใจ แล้วจะหยุดกันไปเอง
10.3 กระดูกหนังที่แทะกินนานๆหรือบางทีแทะไม่หมด อาหารชิ้นใหญ่ๆ อาคิตะกินไม่หมดแล้วจะชอบเอาไปซ่อน ใส่ไว้หลังประตูบ้าง หลังม่านบ้าง คือถ้าตัวไหนเอาไปซ่อนแล้วอีกตัวไปดมๆหาจุดที่ซ่อน จะมีปัญหาทันที บ้านนี้ก็เลยต้องเลิก ขนมต้องเป็นแบบที่กินใส่ปากแล้วหมดไปเลย มีขนมอะไรจะให้ อกไก่ หูกระต่าย ต้องให้พร้อมกัน ของเล่นตุ๊กตาเล่นด้วยกันได้ แต่ถ้าเป็นของกินมีปัญหาทันที
10.4 คนแปลกหน้า โดยพฤติกรรม ตัวลูกจะเล่นและไว้ใจกับคนแปลกหน้ามากกว่าพ่อ ถ้ามีแขกมาบ้านตัวลูกจะไปเล่นด้วย ในขณะที่ตัวพ่อจะยืนดูอยู่ใกล้ๆ แต่ถ้าเล่นมากไป นานไป จะเริ่มมีเสียงขู่กัน ไม่รู้ทำไม ต้องให้เลิกเล่น เลิกยุ่งทันที
ทำได้ตาม 4 ข้อที่ว่ามานี่ ก็ต้องบอกว่าตอนนี้เหตุการณ์เป็นปกติดี มีความสุขดี
ทั้งนี้ช่วงระหว่างที่พ่อลูกทะเลาะกัน แม่หมาไม่กล้ายุ่งเลย พอสองพ่อลูกเริ่มขู่กัน เธอก็จะหลบห่างออกไปดูอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ สังเกตได้เลยว่าเธอเครียดและไม่สบายใจมาก หูกางหางตกตลอด พอพ่อลูกเริ่มดีกัน เห็นเลยว่าชีวิตเธอดีขึ้นมาก
ก็ประมาณนี้ครับ สำหรับประสบการณ์ของทางบ้านเรา ที่แก้ปัญหากันมาได้ บ้านอื่นๆมีปัญหาอย่างไร แก้ได้ด้วยวิธีไหนอย่างไร สำเร็จไหม เล่าแชร์ประสบการณ์กันนะครับ ให้เป็นแนวทางกับบ้านอื่นๆต่อไป เพราะบอกเลย ว่าตอนที่พ่อลูกกัดกันไม่เลิกและยังไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ตอนที่ทางบ้านต้องเริ่มคิดว่าจะเลือกเก็บตัวไหนไว้ จะเอาไปให้ใคร ตอนนั้นบ้านเราเครียดกันมาก ไม่มีความสุขกันเลย
หวังเหลือเกินว่าบทความนี้จะช่วยแก้ปัญหาให้ได้บ้างไม่มากก็น้อยครับ