VPN Magazine นิตยสารรายเดือน และ E-magazine สำหรับสัตวแพทย์
สมัครสมาชิกที่ www.readvpn.com
Line :

VPN (Veterinary Practitioners NEWS)
นิตยสารรายเดือนสำหรับสัตวแพทย์

ออกทุกวันที่ 15 ของเดือน

สามารถติดต่อสั่งซื้อ/สมัครสมาชิกใหม่/ต่ออายุสมาชิก
ได้ผ่านทาง LINE@
แค่คลิ๊ก https://line.me/R/ti/p/%40vpnmagazine
หรือ Line ID : (มี@ด้วย)

ระบบสืบพันธุ์เป็นหนึ่งในระบบการทำงานของร่างกายที่สำคัญในสุนัข ที่หากเกิดปัญหาหรือความผิดปกติแล้ว อาจส่งผลต่อถึงระบบอื่น ...
08/08/2025

ระบบสืบพันธุ์เป็นหนึ่งในระบบการทำงานของร่างกายที่สำคัญในสุนัข ที่หากเกิดปัญหาหรือความผิดปกติแล้ว อาจส่งผลต่อถึงระบบอื่น ๆ รวมถึงสุขภาพโดยองค์รวมของสุนัขแต่ละตัวได้ บทความนี้จะกล่าวถึงโรคหรืออาการผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ในสุนัขที่มักพบได้บ่อย ได้แก่
1. โรคต่อมลูกหมากโตในสุนัข (Benign prostatic hyperplasia; BPH)
โรคต่อมลูกหมากโตเป็นโรคที่พบได้บ่อยในสุนัขเพศผู้อายุมากที่ยังไม่ได้ทำหมัน โดยพบความชุกของโรคอยู่ที่ 80% ในสุนัขอายุมากกว่า 6 ปี และพบได้ถึง 95% ในสุนัขอายุมากกว่า 9 ปี
ซึ่งต่อมลูกหมากนั้นจะวางตัวอยู่บริเวณคอหรือปลายทางออกของกระเพาะปัสสาวะและล้อมรอบท่อปัสสาวะส่วนต้น มีหน้าที่ในการผลิตน้ำเลี้ยงเชื้ออสุจิ โดยการเจริญของต่อมลูกหมากนั้นจะขึ้นอยู่กับ dihydrotestosterone (DHT) ซึ่งเกิดจากการเมแทบอไลต์ฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนที่ผลิตจากอัณฑะโดยเอนไซม์ที่มีชื่อว่า 5α-reductase จึงพบว่าขนาดของต่อมลูกหมากในสุนัขจะลดลงได้ 50% ภายใน 3 สัปดาห์หลังผ่าตัดทำหมัน และลดขนาดลงถึง 70% หลังจากทำหมันแล้ว 9 สัปดาห์
อาการที่พบได้บ่อยในสุนัขที่มีภาวะต่อมลูกหมากโต ได้แก่ ปัสสาวะกะปริดกะปรอย ปัสสาวะลำบาก ขับถ่ายอุจจาระลำบาก มีเลือดปนมากับปัสสาวะ หรือพบของเหลวปนเลือดออกมาจากปลายอวัยวะเพศ หรือในบางรายที่ตรวจพบว่าต่อมลูกหมากโตก็อาจยังไม่พบอาการผิดปกติได้เช่นกัน
การวินิจฉัยโรคต่อมลูกหมากโตสามารถทำได้หลายวิธี เริ่มจากการตรวจร่างกาย จากตำแหน่งการวางตัวของต่อมลูกหมาก ทำให้สามารถตรวจคลำได้โดยการใช้นิ้วล้วงผ่านทางรูทวารของสุนัข ซึ่งจะพบความผิดปกติเมื่อต่อมลูกหมากมีขนาดโตกว่าปกติ และสามารถพบต่อมลูกหมากโตได้จากภาพเอกซเรย์ นอกจากนี้ยังสามารถวัดขนาดของต่อมลูกหมากได้จากการอัลตราซาวนด์เพื่อเทียบกับขนาดที่ควรจะเป็นตามน้ำหนักตัวได้อีกด้วย
การรักษามีเป้าหมายหลักในการลดขนาดของต่อมลูกหมากลง โดยวิธีการที่ให้ประสิทธิภาพดีที่สุดคือการผ่าตัดทำหมัน อย่างไรก็ตามในรายที่มีข้อจำกัดในการผ่าตัด เช่น ต้องการใช้เป็นพ่อพันธุ์หรือมีภาวะติดเชื้อในต่อมลูกหมากร่วมด้วย ก็สามารถใช้การรักษาทางยาได้ โดยจะเป็นยาที่ไปลดการทำงานของเอนไซม์ 5α-reductase ชื่อว่า Finasteride ซึ่งสัตว์จะต้องได้รับยาต่อเนื่องไปตลอดชีวิต
2. ภาวะมดลูกติดเชื้อเป็นหนองในสุนัข (Pyometra)
ภาวะมดลูกติดเชื้อเป็นหนอง ถือเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงทางระบบสืบพันธุ์ในสุนัขเพศเมียและก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ โดยตามวงรอบการเป็นสัดปกติแล้วนั้น จะมีระยะที่ร่างกายอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอร์โมนเอสโตรเจนและฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรน มดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงโดยการหนาตัวขึ้นเพื่อรองรับการปฏิสนธิและการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับการเติบโตของแบคทีเรีย ดังนั้นหากสุนัขได้รับฮอร์โมนจากภายนอก เช่น การฉีดยาคุม หรือมีภาวะการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของเยื่อบุโพรงมดลูก (Cystic endometrial hyperplasia, CEH) อาจโน้มนำให้เกิดภาวะมดลูกติดเชื้อและเป็นหนองตามมาได้
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของมดลูกอักเสบที่พบบ่อย ได้แก่ E.coli ซึ่งเป็นแบคทีเรียปกติที่พบได้ในลำไส้และช่องคลอด ดังนั้น หากมีการติดเชื้อในช่องคลอดหรือทางเดินปัสสาวะ อาจโน้มนำการติดเชื้อย้อนขึ้นไปที่มดลูกได้ สุนัขที่มีภาวะมดลูกติดเชื้อเป็นหนองจะมีอาการไม่เฉพาะเจาะจงแค่ระบบสืบพันธุ์ แต่จะแสดงอาการของการติดเชื้อในกระแสเลือดและอาจรุนแรงถึงเสียชีวิตได้ อาการที่พบโดยทั่วไป ได้แก่ ซึม มีไข้ อ่อนเพลีย เบื่ออาการ อาเจียน ปวดท้อง กินน้ำมาก ปัสสาวะมาก หากเป็นการติดเชื้อแบบปากมดลูกเปิดจะเห็นหนอง เลือดหรือสิ่งคัดหลั่งไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ถ้าเป็นการติดเชื้อแบบปากมดลูกปิดจะไม่พบสิ่งคัดหลั่งไหลออกมาจากอวัยวะเพศ การคั่งของหนองอยู่ภายในมดลูกจะทำให้เกิดการขยายใหญ่ของมดลูกและช่องท้อง สุนัขจะแสดงอาการป่วยอย่างรุนแรงและเสี่ยงต่อภาวะมดลูกฉีกขาด (Uterine rupture) ถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้
ภาวะมดลูกติดเชื้อเป็นหนองเป็นโรคที่ควรคำนึงถึงในสุนัขเพศเมียที่ยังไม่ได้ทำหมันทุกตัว ส่วนมากมักจะมีการติดเชื้อในระยะหลังการเป็นสัด (diestrus) การวินิจฉัยจึงเริ่มการการซักประวัติสัตว์ป่วย การตรวจร่างกายพื้นฐาน หากสัตว์มีแนวโน้มที่จะเป็น ภาวะมดลูกติดเชื้อเป็นหนอง จะต้องทำการตรวจเพิ่มเติม ดังนี้
• การตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด เพื่อประเมินสภาวะการติดเชื้อในร่างกาย จะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูง โดยเฉพาะ neutrophils อาจพบภาวะโลหิตจางในรายที่มีเลือดออก
• การตรวจค่าเคมีในเลือด เพื่อประเมินสภาพการทำงานของตับ-ไต โดยส่วนมากไตอาจจะได้รับผลกระทบจากสารพิษที่แบคทีเรียสร้างขึ้นได้ ทำให้มีค่า Creatinine สูงได้ ในบางรายมีภาวะ dehydration จะพบว่าค่า BUN สูงขึ้นจากปกติ
• การตรวจเซลล์เยื่อบุช่องคลอดเพื่อระบุระยะในวงรอบการเป็นสัด
• ภาพถ่ายเอกซเรย์ เพื่อตรวจดูการขยายใหญ่ของมดลูก หากการติดเชื้อแบบปากมดลูกเปิดอาจไม่พบการขยายใหญ่ของมดลูก
• การอัลตราซาวนด์ช่องท้อง ดูการขยายใหญ่ของมดลูกและสามารถระบุประเภทของเหลวที่อยู่ในมดลูกได้ว่าเป็น Hydrometra หรือ Pyometra
หากสัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยยืนยันได้ว่าสุนัขป่วยด้วยภาวะมดลูกติดเชื้อเป็นหนอง ควรจะเริ่มทำการรักษาโดยทันทีเพื่อป้องกันการติดเชื้อเข้ากระแสเลือด ซึ่งส่งผลถึงแก่ชีวิตได้ แนวทางการรักษาที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดเอามดลูกและรังไข่ออก (Ovariohysterectomy) ซึ่งก่อนผ่าตัดจะต้องทำการประเมินสภาพและปรับความพร้อมของร่างกายสุนัขก่อน โดยให้ยาปฏิชีวนะควบคู่กับการให้สารน้ำเพื่อปรับสภาพ นอกจากนี้ควรเสริมด้วยการรักษาตามอาการ เช่น การให้ยาลดอักเสบ ยาบรรเทา ความเจ็บปวด ยาต้านการอาเจียน และอื่น ๆ
หลังการผ่าตัดแล้ว การรักษาตามอาการและการดูแลต่อเนื่องยังมีความจำเป็นจนกว่าสุนัขจะกลับมาเป็นปกติ โดยเฉพาะในสุนัขที่มีภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดและสุนัขที่มีค่าการทำงานของไตสูงกว่าปกติ สุนัขควรได้รับยาปฏิชีวนะโดยการกินต่อเนื่อง 7-10 วัน และมีการตรวจเลือดซ้ำ
ในสุนัขป่วยบางตัวที่เจ้าของไม่ต้องการให้ผ่าตัดนำมดลูกและรังไข่ออก เนื่องจากเป็นสุนัขที่ต้องการใช้เป็นแม่พันธุ์ การรักษาด้วยฮอร์โมนจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยการให้ PGF2 alpha ทำให้เกิดการสลายของ corpus luteum ซึ่งเป็นแหล่งสร้างฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน และยังมีผลให้ผนังมดลูกบีบตัว เกิดการเปิดของปากมดลูกเพื่อไล่ของเหลวออกจากมดลูก อย่างไรก็ตามการใช้ฮอร์โมนในการรักษา ยังมีผลข้างเคียงที่ต้องคำนึงถึง รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่อาจมีผล เช่น อายุ โดยไม่แนะนำให้ใช้การรักษาทางฮอร์โมนในสุนัขที่อายุมากกว่า 8 ปี และไม่แนะนำให้ใช้ในกรณีที่เป็นมดลูกอักเสบแบบปากมดลูกปิดเนื่องจากจะทำให้เกิดภาวะมดลูกแตก (Uterine rupture) ได้

3. เนื้องอกเต้านม (Mammary gland tumor)
เนื้องอกเต้านมเป็นเนื้องอกชนิดที่พบได้มากที่สุดในสุนัขเพศเมียที่ยังไม่ได้ทำหมัน โดยพบได้ถึง 13.4% ของเนื้องอกทั้งหมดที่พบในสุนัข และพบได้ถึง 41.7% ของเนื้องอกทั้งหมดในสุนัขเพศเมียที่ยังไม่ได้ทำหมัน (Karin Sorenmo, 2003) ส่วนสุนัขเพศผู้จะมีโอกาสพบเนื้องอกเต้านมได้น้อยกว่า 1% (Sue Murpy, 2003) เนื้องอกเต้านมอาจเป็นได้ทั้งเนื้องอกชนิดไม่รุนแรง (benign) หรือเป็นมะเร็ง (malignant) โอกาสที่เนื้องอกเต้านมที่พบจะเป็นมะเร็งอยู่ที่ 50% สุนัขที่ยังไม่ได้รับการทำหมันจะมีโอกาสพบเนื้องอกเต้านมมากกว่าสุนัขที่ทำหมันแล้ว และยังมีการศึกษาว่าสุนัขที่ทำหมันก่อนวัยเจริญพันธุ์ (puberty) หรือก่อนจะเป็นสัดครั้งแรกจะมีโอกาสเกิดเนื้องอกเต้านมต่ำที่สุด เมื่อเทียบกับสุนัขที่ทำหมันหลังจากนั้น (Schneider, 1969)
ปัจจัยความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกเต้านม ได้แก่
• ฮอร์โมน : ในการตั้งท้อง และการเป็นสัดในแต่ละครั้งจะทำให้มีการเจริญของเต้านม เนื่องจากระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเทอโรน ทำให้มีการแบ่งเซลล์ที่ผิดปกติ หรือการให้ยากลุ่ม Progestins จะเหนี่ยวนำให้เกิดเนื้องอกเต้านมได้
• อายุ : มักพบในสุนัขอายุมากกว่า 5 ปีขึ้นไป โดยพบว่าช่วงอายุที่พบเนื้องอกเต้านมมากที่สุดจะอยู่ระหว่าง 9-11 ปี
• พันธุ์ : สุนัขแต่ละพันธุ์มีโอกาสเป็นเนื้องอกเต้านมได้เหมือนกัน ที่สามารถพบเจอได้บ่อย เช่น English Springer Spaniel, Cocker Spaniel, German Shepherd Dog, Miniature, Maltese, Chihuahua, Beagle, Dachshund, Yorkshire Terrier และ Bichon Frise
• ความอ้วน : มีความเป็นไปได้ว่าสุนัขที่อ้วนตั้งแต่อายุน้อยจะเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นเนื้องอกเต้านม
อาการที่ตรวจพบคือ พบก้อนที่เต้านม อาจมีลักษณะขรุขระซึ่งสามารถคลำพบหรือเห็นได้ชัดเจน อาจพบเพียงก้อน เดียวหรือพบได้หลายก้อน สุนัขอาจไม่แสดงอาการอื่นให้เห็น หรือแสดงอาการเลียบริเวณเต้านมให้เห็น สุนัขบางตัวอาจพบเป็นแผลที่มีการติดเชื้อ หรือแผลเปิดหากมีก้อนเนื้องอกมานาน
การวินิจฉัยโรค ทำการซักประวัติถึงระยะเวลาที่เกิดเนื้องอกว่าโตเร็วหรือช้าเพียงใด ประวัติเกี่ยวกับการทำหมัน การได้รับยาฮอร์โมน ซักประวัติการป่วยอื่น ๆ และอาจตรวจเลือดเพื่อตรวจสุขภาพเพิ่มเติม เพราะสุนัขที่มีก้อนที่เต้านมส่วน ใหญ่จะมีอายุมาก คลำลักษณะของก้อนที่เต้านมและบันทึกตำแหน่งที่พบ ควรตรวจคลำต่อมน้ำเหลืองบริเวณใกล้กับเต้านมว่ามีการโตขึ้นหรือไม่ เนื่องจากสุนัขที่เป็นมะเร็งเต้านมอาจจะพบว่าเซลล์มะเร็งมีการแพร่ไปยังปอดและต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เต้านมได้ และควรเอกซเรย์ช่องอกเพื่อดูการแพร่กระจายของเนื้องอกไปยังปอดและอวัยวะอื่น ๆ ด้วย
นอกจากนี้ควรมีการจำแนกระดับความรุนแรงของเนื้องอกที่เต้านมเพื่อพยากรณ์โรค โดยการจำแนกระดับความรุนแรงของเนื้องอกเต้านมในสุนัขจะใช้ตามหลักการขององค์การอนามัยโลก (WHO-TNM system) ในส่วนของการวินิจฉัยชนิดของเนื้องอกอาจทำโดยการเก็บตัวอย่างด้วยเข็มฉีดยาหรือ fine-needle aspiration (FNA) จากก้อนเนื้องอก หรือทำการผ่าตัดก้อนเนื้องอก (biopsy) และส่งตรวจทางพยาธิวิทยา
การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็นวิธีหลักในการรักษา และเพื่อเป็นการวินิจฉัยชนิดของก้อนเนื้องอกเต้านม โดยมีเป้าหมายเพื่อยืดระยะเวลาในการดำรงชีวิต เพิ่มคุณภาพชีวิตสุนัข ลดการแพร่กระจายของเนื้องอกและลดการอักเสบของก้อนเนื้องอกเต้านมที่จะเกิดขึ้น ซึ่งประเภทการผ่าตัดก้อนเนื้องอกเต้านมจะขึ้นอยู่กับขนาดก้อนของเต้านม การยึดติดกันของก้อนกับกล้ามเนื้อ การแพร่กระจายของก้อนเนื้อไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง และหลังจากการผ่าตัดแล้วยังมีการแนะนำให้ใช้การรักษาโดยวิธีเคมีบำบัดเพิ่มเติมในสุนัขที่เป็นมะเร็งเต้านม
นี่เป็นส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมหัวข้อเรื่อง ภาวะคลอดยาก (Dystocia) และ เนื้องอกอัณฑะ ต่อได้ที่ : https://readvpn.com/article/detail/1183
บทความโดย : สพ.ญ.รยา ตรีเจริญ
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,500 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :

อัปเดตและเจาะลึกเรื่องระบบสืบพันธุ์แบบเน้นๆVPN ฉบับเดือนสิงหาคม ขอต้อนรับเดือนแห่งวันแม่กับเรื่องระบบสืบพันธุ์ในสัตว์เลี...
07/08/2025

อัปเดตและเจาะลึกเรื่องระบบสืบพันธุ์แบบเน้นๆ
VPN ฉบับเดือนสิงหาคม ขอต้อนรับเดือนแห่งวันแม่กับเรื่องระบบสืบพันธุ์ในสัตว์เลี้ยง อีกหนึ่งเรื่องใกล้ตัวของคุณหมอ ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องความผิดปกติทางพันธุกรรมเกี่ยวกับเพศของสัตว์เลี้ยงและแนวทางจัดการปัญหาการตั้งท้องต่างๆ โดยไฮไลท์ภายในเล่มมีดังนี้
1. ภาวะมดลูกอักเสบในแมวจำเป็นต้องทำหมันหรือไม่ : มาอัปเดตแนวทางการจัดการมดูกอักเสบในแมวและแนวทางจัดการว่าทำอย่างไรได้บ้าง ต้องทำหมันหรือไม่ อย่างไร โดย สพ.ญ.มินตราพร คงเตี้ย
2. บทบาทของฮอร์โมนทางระบบสืบพันธุ์กับการใช้งานในสุนัขและแมว : มารู้จักวิธีการใช้ฮอร์โมนต่างๆ ในการรักษาและจัดการระบบการสืบพันธุ์ต่างๆ โดย น.สพ.ชนชาญ กาญจนประภาส
3. การจัดการแมวในช่วงผสมพันธุ์และตั้งท้อง - การประเมินภาวะปกติและภาวะที่ควรเฝ้าระวังในทางคลินิก : มาอัปเดตการจัดการในผสมพันธุ์ในแมว รวมไปถึงการตั้งท้อง ว่ามีแนวทางการดูแลอย่างไรที่สัตวแพทย์ควรทราบ โดย น.สพ.ประวิทย์ แซ่เจี่ย
4. การจำแนกภาวะความผิดปกติของพัฒนาการทางเพศในแมวที่สัตวแพทย์ควรทราบ - เจาะลึกความผิดปกติของพัฒนาการทางเพศในแมวทั้งหมดที่พบได้ในปัจจุบัน ว่าจริง ๆ แล้วแมวไม่ได้มีแค่เพศผู้หรือเพศเมีย : เมื่อแมวไม่ได้มีแค่เพศผู้และเพศเมีย มารู้จักความผิดปกติทางการเพศของแมวทั้งหมดที่เราทราบในตอนนี้ โดย น.สพ.นรภัทร เขียวคำ
5. เราจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำการผ่าคลอดฉุกเฉินในสุนัข : มารู้จักเมื่อไหร่เราควรจะทำการผ่าคลอดในสุนัข มีวิธีการเช็กอย่างไรบ้าง โดย น.สพ.ณรธีร์ กุลธำรง
6. Aglepristone แนวทางการใช้และข้อควรระวัง : เจาะลึกยา Aglepristone ที่ใช้สำหรับการยุติการตั้งท้องในสุนัข มีแนวทางการใช้อย่างไร โดย ผศ. น.สพ. ดร.เจนภพ สว่างเมฆ
7. โภชนาการในลูกสุนัขและแมวหลังหย่านม - การบริหารจัดการภาวะ Anorexia ในช่วงฟันแท้เริ่มขึ้น : เมื่อลูกสุนัขและแมวมีฟันแท้เริ่มขึ้นจะมีการจัดการโภชนาการอย่างไร แก้ปัญหาเรื่อง Anorexia อย่างไร โดย น.สพ.ป้อมเพชร นพคุณวิจัย
อ่าน VPN 275 แบบ E-Book ได้ที่นี่ : https://readvpn.com/magazine
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,500 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :

ครั้งแรกกับงานสัมมนาดีๆ จาก Perfecta !  🐾 𝐏𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐍𝐮𝐭𝐫𝐢𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐕𝐞𝐭 𝐓𝐚𝐥𝐤 : โภชนาการสัตว์เลี้ยงที่ใช่ ใส่ใจตั้งแต่คำแรก สัมมน...
07/08/2025

ครั้งแรกกับงานสัมมนาดีๆ จาก Perfecta !
🐾 𝐏𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐍𝐮𝐭𝐫𝐢𝐭𝐢𝐨𝐧 𝐕𝐞𝐭 𝐓𝐚𝐥𝐤 : โภชนาการสัตว์เลี้ยงที่ใช่ ใส่ใจตั้งแต่คำแรก
สัมมนาออนไลน์ฟรี! สำหรับสัตวแพทย์และคนรักสัตว์.
📅 วันที่ 13 สิงหาคม 2568
🕐 เวลา 14.00 - 17.00 น.
รับชม Live ทาง page: VPN Magazine และ Perfecta
พบกับหัวข้อ
🔹 Nutritional Calculation : โภชนาการแม่นยำ เริ่มต้นที่การคำนวณ
👩‍⚕️ บรรยายโดย สพ.ญ.ฐิตา เตโชฬาร
🔹 Nutrition Management Guideline for Pancreatitis in Dogs : จัดการโภชนะอย่างไร เมื่อสุนัขมีภาวะตับอ่อนอักเสบ
👨‍⚕️ บรรยายโดย รศ.น.สพ.ดร.อรรถวิทย์ โกวิทวที
🎓 สัตวแพทย์ลงทะเบียนและทำข้อสอบ เพื่อรับคะแนน CE!
🎁 กิจกรรมสุดพิเศษ! ร่วมสนุกรับอาหารสัตว์เลี้ยงจาก Perfecta และของรางวัลมากมาย
🐶 “Perfecta สดใหม่จากฟาร์ม...สู่ชามมื้ออร่อย”
#สัตวแพทย์ ับสัตวแพทย์ #โภชนาการสัตว์เลี้ยง #อาหารสัตว์คุณภาพ

เปิดรับสมัครทีม Production มาร่วมทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน!เรากำลังมองหาเพื่อนร่วมทีมที่มีใจรักในการเล่าเรื่องผ่านภาพ เสียง แ...
06/08/2025

เปิดรับสมัครทีม Production มาร่วมทำอะไรสนุก ๆ ด้วยกัน!
เรากำลังมองหาเพื่อนร่วมทีมที่มีใจรักในการเล่าเรื่องผ่านภาพ เสียง และวิดีโอ เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงและวงการสัตวแพทย์
ถ้าคุณชอบสร้างสรรค์คอนเทนต์และอยากเติบโตไปด้วยกัน มาร่วมงานกับเราได้เลย
ตำแหน่งที่เปิดรับ: Media Production (Full Time)
ทำหน้าที่ :
- ถ่ายและตัดต่อ VDO, Reel และ Podcast
- ถ่ายภาพ
- ถ่าย Live
- ถ้าคุณรักสัตว์ จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ 😽🐶🐰🐹
ส่ง Resume และ Portfolio มาได้ที่ [email protected]
เขียนชื่ออีเมล์ว่า สมัครงานตำแหน่ง Media Production ตามด้วยชื่อของตัวเอง
📍 สถานที่ทำงาน: พหลโยธิน 18/1 จตุจักร กรุงเทพฯ
https://maps.app.goo.gl/UmbEgxEUPR7EFYdV6
มาร่วมสร้างผลงานดี ๆ และบรรยากาศการทำงานที่เป็นกันเองไปด้วยกันนะ

การใช้ยาลดอักเสบในแมวนั้นมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงจากความเป็นพิษของยาบางชนิดได้ โดยยาที่แนะนำให้ใช้ได้ใน...
05/08/2025

การใช้ยาลดอักเสบในแมวนั้นมีค่อนข้างจำกัด เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียงจากความเป็นพิษของยาบางชนิดได้ โดยยาที่แนะนำให้ใช้ได้ในกลุ่ม selective COX-2 inhibitor ได้แก่
1. Meloxicam ให้ในขนาด 0.1 mg/kg ในการให้ยาครั้งแรก จากนั้นปรับลดขนาดยา โดยให้ในขนาด 0.05 mg/kg วันละ 1 ครั้ง และสามารถลดทอนขนาดยาและระยะเวลาที่ให้ลงอย่างต่อเนื่องหากสามารถคุมการอักเสบได้
2. ให้ยาในกลุ่ม specific COX-2 inhibitor ได้แก่ robenacoxib ขนาดที่แนะนำให้ใช้ คือ 1 mg/kg โดยอาจจะมีระยะให้ยาหรือขนาดยาที่แตกต่างกันไปตามแต่ละรายงาน
แต่ถ้าให้การรักษาความเจ็บปวดเรื้อรังในระยะเวลา 6 สัปดาห์แล้วไม่ตอบสนองกับยาดังกล่าวให้หยุดให้ยาและเปลี่ยนแปลงแนวทางการรักษา โดยไม่ว่าจะเป็นยาตัวใดในกลุ่มยาลดอักเสบนี้หากใช้ในระยะยาว ให้คำนึงถึงภาวะต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมาได้ เช่น ภาวะแผลในกระเพาะอาหาร หรืออาจส่งผลต่อการทำงานของตับและไต
การให้ยาลดปวดบางกลุ่มซึ่งมีการใช้เพื่อรักษาความเจ็บปวดทางระบบประสาท (neuropathic pain) หรือมักใช้ในการลดปวดเรื้อรังในคน ก็สามารถนำมาใช้ในแมวได้ เช่น
1. Gabapentin ในบางรายงาน สามารถให้ยาในขนาด 10 mg/kg ทุก 8 หรือ 12 ชม. นาน 2 สัปดาห์
2. Pregabalin ที่มีรายงานการให้ในขนาด 2.5-10 mg/kg ทุก 8 หรือ 12 ชม.
ข้อแนะนำในการให้ยา ควรเลือกใช้ขนาดยาที่ต่ำที่สุดที่สามารถควบคุมอาการได้ก่อนเสมอ และเนื่องจากรสชาติของยาที่ขมจึงอาจทำให้ป้อนยาชนิดนี้ได้ยากเมื่อต้องการให้ยานี้กับแมวอย่างต่อเนื่อง
นี่คือคอลัมน์ Glimpse ที่จะพาไปแอบส่องไฮไลท์ของบทความต่างๆ โดยสามารถอ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ : https://readvpn.com/article/detail/2423
บทความโดย : น.สพ.ธิติพันธุ์ ตระการผล
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,500 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :

การรักษาโรคผิวหนังที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังชนิด superficial pyoderma หรือ bacterial folliculitis มีความท้าทาย...
04/08/2025

การรักษาโรคผิวหนังที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังชนิด superficial pyoderma หรือ bacterial folliculitis มีความท้าทายมากขึ้นกว่าเดิมมาก เนื่องจาก พบภาวะเชื้อดื้อยาเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะแบบคาดการณ์ (empirical treatment) ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ทำให้การติดเชื้อยืดเยื้อออกไป และความสามารถในการถ่ายทอดสารพันธุกรรมของแบคทีเรียที่ดื้อยาระหว่างสัตว์เลี้ยงและมนุษย์ยังเป็นข้อน่ากังวลที่ต้องเฝ้าระวังเป็นอย่างยิ่ง
การรักษาสุนัขติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังให้ประสบความสำเร็จ สัตวแพทย์จำเป็นต้องทราบและจดจำลักษณะรอยโรคของการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ทราบวิธีตรวจวินิจฉัยยืนยันการติดเชื้อแบคทีเรียและต้องสามารถระบุรวมถึงจัดการสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนังได้ (underlying cause) เพื่อเป็นการลดโอกาสการกลับมาติดเชื้อซ้ำ
การเลือกใช้ยาต้านจุลชีพตามระบบเพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย สัตวแพทย์ควรเลือกใช้ตาม Guideline ของ International Society for Companion Animal Infectious Diseases (ISCAID, iscaid.org) และ World Association for Veterinary Dermatology (WAVD, wavd.org) เพื่อช่วยให้สัตวแพทย์สามารถวินิจฉัยและรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียที่ผิวหนัง โดยเลือกใช้ยาต้านจุลชีพอย่างสมเหตุผล และลดโอกาสการทำให้เกิดภาวะเชื้อดื้อยาจากการใช้ยาหรือการรักษาที่ไม่เหมาะสม
แบคทีเรียที่ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ผิวหนัง (Bacteria that cause superficial pyoderma)
แบคทีเรียที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ superficial pyoderma ในสุนัขที่พบมากที่สุดคือ Staphylococcus pseudintermedius นอกจากนี้ยังพบว่าแบคทีเรียแกรมบวก อื่น ๆ เช่น Staphylococcus schleiferi, Staphylococcus aureus, Staphylococcus xylosus, Staphylococcus epidermitis และ Streptococcus species ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ส่วนแบคทีเรียแกรมลบ เช่น Pseudomonas aeruginosa และ Corynebacterium species พบได้ค่อนข้างน้อย
การดื้อยาต้านจุลชีพของเชื้อแบคทีเรีย (Antimicrobial resistance)
มักพบเมื่อมีการใช้ยาต้านจุลชีพเพื่อกำจัด หรือยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย แต่แบคทีเรียยังคงมีชีวิตอยู่หรือไม่สามารถถูกกำจัดออกไปอย่างที่ต้องการ ทำให้การติดเชื้อยังคงอยู่และการรักษาไม่ประสบผลสำเร็จ หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพคือ การเลือกใช้ยาต้านจุลชีพที่ไม่เหมาะสม ทั้งขนาด ความถี่ และระยะเวลาในการให้ยา รวมถึงการเลือกใช้ยาต้านจุลชีพบางกลุ่มที่ไม่เหมาะสมต่อลักษณะของการติดเชื้อ Multidrug-resistant (MDR) bacteria คือ แบคทีเรียที่ต่อต้านยาต้านจุลชีพ 3 กลุ่มขึ้นไป Methicillin-resistant staphylococcus (MRS) คือแบคทีเรียกลุ่ม Staphylococcus species ที่ดื้อต่อยา Oxacillin ซึ่งเมื่อมีการรายงานผลไวรับต่อยา จะถือว่าแบคทีเรียที่พบมีการดื้อยากลุ่ม Beta-lactam ทั้งหมด ได้แก่ ยาในกลุ่ม Cephalosporins และกลุ่มยา Penicillin ซึ่งรวมถึง Amoxicillin-clavulanate และกลุ่มยา Carbapenem
อาการทางคลินิกและรอยโรคของ Superficial pyoderma ในสุนัข
ในระยะแรกที่พบได้คือ ผื่นแดง (papules) และตุ่มหนอง (pustules) แต่ลักษณะของตุ่มหนองค่อนข้างพบได้น้อย เนื่องจากตุ่มหนองมักแตกออกได้ง่ายและอยู่ได้ไม่นาน มักพบรอยโรคที่เป็นลักษณะของสะเก็ดรังแค (scales) คราบหนองแห้ง (crust) หรือลักษณะขนร่วงเป็นวงและมีขอบเผยอของชั้นหนังกำพร้า (epidermal collarettes) หรืออาจพบภาวะขนร่วงหลายตำแหน่ง (multifocal alopecia) ขนบางเป็นปื้น (hypotrichosis/ alopecic patches) ขนกระดกหรือขนร่วงคล้ายหนูแทะ (moth-eaten alopecia) ที่มักจะพบในสุนัขพันธุ์ขนสั้นเกรียน
การวินิจฉัยโรค Canine superficial pyoderma
เริ่มที่สัตวแพทย์ จำเป็นต้องจดจำลักษณะรอยโรคที่บ่งชี้ถึงการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังตามที่กล่าวในข้างต้น และเพื่อเป็นการยืนยันการวินิจฉัยการติดเชื้อ สัตวแพทย์ต้องทำการตรวจโดยวิธี cytology เพื่อแยกจากโรคอื่นที่อาจทำให้เกิดรอยโรคที่ใกล้เคียงกัน เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น
การวินิจฉัยแยกโรค (Differential Diagnosis)
สัตวแพทย์ควรคำนึงถึงโรคผิวหนังติดเชื้อที่ทำให้เกิดตุ่มหนอง (pustular diseases) และอาการอักเสบของรูขุมขน(folliculitis) อื่นเพื่อทำการวินิจฉัยแยกแยะ จากโรคติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง ได้แก่ โรคไรขี้เรื้อนขุมขน (demodicosis) เชื้อรา (dermatophytosis) และโรคผิวหนังที่ทำให้เกิดตุ่มหนองโดยไม่ติดเชื้อ เช่น pemphigus foliaceus หรือ sterile neutrophilic / eosinophilic pustulosis ซึ่งสัตวแพทย์ควรพิจารณาเลือกวิธีวินิจฉัยให้เหมาะสม เช่น การทำ skin scrapings การตรวจ trichogram การตรวจ fungal culture และการทำ skin biopsy
การตรวจวินิจฉัยทางเซลล์วิทยาของผิวหนัง (Skin cytology)
การรักษาโรคผิวหนังในปัจจุบันยังพบว่า มีการสั่งจ่ายยาต้านจุลชีพโดยสัตวแพทย์ ให้สุนัขป่วยไปก่อน โดยที่ภาวะ canine superficial pyoderma ยังไม่ได้รับการวินิจฉัยยืนยันจากการตรวจทางเซลล์วิทยา ทั้งที่การตรวจทางเซลล์วิทยาของผิวหนัง สามารถบ่งชี้ถึงการติดเชื้อแบคทีเรียได้เป็นอย่างดี คือ เมื่อมีการตรวจพบแบคทีเรียรูปร่างกลม (cocci) และเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตอบสนองต่อการติดเชื้อ (degenerated neutrophils) หากตรวจพบแบคทีเรียที่กำลังถูกเม็ดเลือดขาวเก็บกิน (phagocytosed) จะเป็นหลักฐานที่ยืนยันถึงการติดเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนัง นอกจากนี้ยังสามารถบ่งชี้ถึงการติดเชื้อชนิดอื่นร่วมด้วย เช่น แบคทีเรียกลุ่มแท่ง (rod-shaped) หรือเชื้อรา (dermatophytosis) และยีสต์ เช่น Malassezia pachydermatis
การเพาะเชื้อแบคทีเรียและตรวจหาความไวต่อยาต้านจุลชีพ (Bacterial culture and susceptibility testing)
การเพาะเชื้อแบคทีเรียและตรวจหาความไวต่อยาต้านจุลชีพมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวินิจฉัยยืนยันการพบเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยา เพื่อให้สัตวแพทย์มีข้อมูลในการพิจารณาเลือกยาต้านจุลชีพที่เหมาะสมเมื่อต้องมีการใช้ยาต้านจุลชีพตามระบบ เนื่องจากในปัจจุบันรายงานการพบเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาต้านจุลชีพ (MDR) มากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสัตวแพทย์ควรเก็บตัวอย่างเพื่อเพาะเชื้อจากตุ่มหนอง (pustules) แต่หากไม่พบตุ่มหนองบนตัวสัตว์ สัตวแพทย์อาจเก็บตัวอย่างจากคราบหนองใต้สะเก็ดแผล (crusts) หรือจากบริเวณขอบของรอยโรคที่ชั้นหนังกำพร้าที่เผยอเป็นขุย (epidermal collarettes) หรือหากพบรอยโรคเป็นเพียงผื่นหรือตุ่มแดง (papules) สัตวแพทย์ควรใช้เข็มเบอร์ 22 G สะกิดตุ่มแดงเพื่อทำการเก็บตัวอย่าง
สัตวแพทย์ควรเก็บตัวอย่างเพื่อเพาะเชื้อแม้ว่าจะยังมีการใช้ยาต้านจุลชีพอยู่ก่อนแล้วก็ตาม เนื่องจากยังไม่มีข้อสรุปว่าการเพาะเชื้อหลังจากที่มีการใช้ยาต้านจุลชีพมาก่อน จะส่งผลต่อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อหรือไม่ โดยสัตวแพทย์ควรพิจารณาทำการเก็บตัวอย่างเพาะเชื้อแบคทีเรียและหาความไวยาเมื่อ
1. มีประวัติการณ์ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือ เป็น ๆ หาย ๆ
2. มีการใช้ยาต้านจุลชีพในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน
3. มีการให้ยาต้านจุลชีพตามระบบมาหลายครั้ง
4. มีการตอบสนองต่อยาต้านจุลชีพที่ให้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
5. ผิวหนังมีรอยโรคของการติดเชื้อแบคทีเรียขึ้นใหม่ ทั้ง ๆ ที่มีการให้ยาต้านจุลชีพตามระบบมาแล้วอย่างน้อย 2 สัปดาห์
6. ผิวหนังมีรอยโรคของการติดเชื้อแบคทีเรียหลงเหลืออยู่ ทั้ง ๆ ที่มีการให้ยาต้านจุลชีพตามระบบมาแล้ว 6 สัปดาห์
7. สุนัขเคยมีประวัติการตรวจพบภาวะการณ์ดื้อต่อยาต้านจุลชีพมาก่อน (MDR/MRS)
8. เมื่อมีการตรวจพบเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เก็บกินแบคทีเรียรูปร่างแท่ง (intracellular rods) ในการตรวจทางเซลล์วิทยา
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านแนวทางการรักษาและการใช้กลุ่มยาต้านจุลชีพทั้ง 4 ลำดับต่อได้ที่ : https://readvpn.com/article/detail/1092
บทความโดย : น.สพ.ศิววัชร์ พานิชอนันต์กิจ
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,500 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :

Robenacoxib เป็นยาใน coxib class ของยาในกลุ่ม non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) ซึ่งจัดเป็น pain killer ที่...
01/08/2025

Robenacoxib เป็นยาใน coxib class ของยาในกลุ่ม non-steroidal anti-inflammatory drugs (NSAIDs) ซึ่งจัดเป็น pain killer ที่สามารถใช้ในทางคลินิกได้ทั้งในสุนัขและแมว ดังนั้นคอลัมน์ Drug Corner ใน VPN ฉบับนี้ จึงได้นำรายละเอียดการใช้ยา robenacoxib มาเล่าสู่กันฟังครับ
เภสัชวิทยาคลินิก
Robenacoxib จัดเป็น potent and specific cyclooxygenase (COX) - 2 inhibitor ที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากสามารถยับยั้งการทำงานของ COX-2 ได้มากกว่า COX-1 มากกว่า 140 เท่า (COX-2 IC50 0.04 µM vs. COX-1 IC50 7.9 µM) โดยที่ยารูปแบบกินถือว่ามี onset of action ที่เร็ว (0.5 ชั่วโมง)
การศึกษาทางเภสัชจลนศาสตร์ (pharmacokinetics; PKs) พบว่าภายหลังได้รับยารูปแบบกิน ตัวยาจะขึ้นสู่ระดับสูงสุดที่ 0.5 ชั่วโมง (Tmax) ซึ่งการให้ยาพร้อมอาหารจะทำให้ bioavailability ของยาลดลง เมื่อเทียบกับการให้ยาในช่วงท้องว่าง (62% vs. 84%) ตัวยามี volume of distribution (Vss 240 ml/kg) ค่อนข้างต่ำ และสามารถจับกับ plasma protein ได้สูง (> 99%)
ยาจะถูกเปลี่ยนแปลงและขับออกส่วนใหญ่ที่ตับ (ประมาณ 65%) และไต โดยที่มี elimination t1/ 2 ที่ 0.7 ชั่วโมง สำหรับการศึกษาโดยการฉีดเข้าหลอดเลือดดำ และที่ 1.2 ชั่วโมง สำหรับการให้ยาทางปาก
ข้อบ่งใช้
สุนัข
- เพื่อรักษาอาการปวดและอักเสบอันเนื่องมาจากภาวะ chronic osteoarthritis
- เพื่อรักษาอาการปวดและอักเสบอันเนื่องมาจาก orthopedic surgery และ soft tissue surgery
แมว
- เพื่อรักษาอาการปวดและอักเสบอันเนื่องมาจากภาวะ acute and chronic musculoskeletal disorders
- เพื่อรักษาอาการปวดและอักเสบอันเนื่องมาจาก orthopedic surgery และ soft tissue surgery
ขนาดและวิธีการใช้ยา
ในปัจจุบัน ยา robenacoxib อยู่ในรูปแบบ tablet/flavoured tablets ในขนาด 6 mg (สำหรับแมว) ขนาด 5, 10, 20, และ 40 mg (สำหรับสุนัข) และรูปแบบฉีด (solution for injection) ความแรง 20 mg/ml (สำหรับสุนัขและแมว) ทั้งนี้มีข้อแนะนำว่าไม่ควรแบ่งยารูปแบบ tablet/flavoured tablets แต่ควรเลือกใช้ยาในขนาดและความแรงที่เหมะสมกับน้ำหนักตัวสัตว์ และประมาณยาที่คำนวณได้ เพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนของขนาดยาที่ได้รับ และเภสัชจลนศาสตร์ของยา
สุนัข
1. Osteoarthritis
ให้ยาในขนาด 1 mg/kg (therapeutic range 1-2 mg/kg) sid ในรูปแบบการกิน ควรให้ยาห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที เนื่องจากการให้ยาพร้อมอาหารจะมีผลต่อประสิทธิภาพของยา หากการตอบสนองต่อการรักษาไม่ชัดเจนใน 7-10 วัน หลังรับการรักษา ควรพิจารณาการวินิจฉัยและแนวทางการรักษาใหม่ ในการรักษาต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานนั้น ควรใช้ขนาดยาต่ำที่สุดที่ควบคุมอาการได้
2. Soft tissue surgery
ให้ยาในขนาด 2 mg/kg (therapeutic range 2-4 mg/kg) sid ในรูปแบบการกิน ควรให้ยาห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที และให้ยาก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 30 นาที ไม่ควรให้ยาต่อเนื่องเกิน 3 วัน สำหรับข้อบ่งใช้นี้
3. Orthopedic and soft tissue surgery (injection)
ให้ยาในขนาด 2 mg/kg sid โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง โดยให้ยาก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 30 นาที ไม่ควรให้ยาต่อเนื่องเกิน 3 วัน สำหรับข้อบ่งใช้นี้ ทั้งนี้สามารถใช้ยาในรูปแบบยากินในการรักษาต่อเนื่องหลังจากการฉีดครั้งแรกได้
แมว
1. Acute musculoskeletal disorders
ให้ยาในขนาด 1 mg/kg (therapeutic range 1-2.4 mg/kg) sid ในรูปแบบการกิน ควรให้ยาห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที หรือหากจำเป็นต้องให้ยาพร้อมอาหาร อาจทำได้โดยให้ยาพร้อมกับอาหารปริมาณเล็กน้อย ไม่ควรให้ยาต่อเนื่องเกิน 6 วัน สำหรับข้อบ่งใช้นี้
2. Chronic musculoskeletal disorders
ให้ยาในขนาด 1 mg/kg (therapeutic range 1-2.4 mg/kg) sid ในรูปแบบการกิน ควรให้ยาห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที หรือหากจำเป็นต้องให้ยาพร้อมอาหาร อาจทำได้โดยให้ยาพร้อมกับอาหารปริมาณเล็กน้อย การตอบสนองต่อการรักษามักพบภายใน 3-6 สัปดาห์ หากไม่พบการตอบสนองภายใน 6 สัปดาห์ ควรหยุดการใช้ยาและพิจารณาการวินิจฉัยและแนวทางการรักษาใหม่
3. orthopedic surgery
ให้ยาในขนาด 1 mg/kg (therapeutic range 1-2.4 mg/kg) sid ในรูปแบบการกิน ควรให้ยาห่างจากมื้ออาหารอย่างน้อย 30 นาที ให้ยาก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 30 นาที ไม่ควรให้ยาต่อเนื่องเกิน 3 วัน สำหรับข้อบ่งใช้นี้
4. Orthopedic and soft tissue surgery (injection)
ให้ยาในขนาด 2 mg/kg sid โดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ให้ยาก่อนการผ่าตัดอย่างน้อย 30 นาที ไม่ควรให้ยาต่อเนื่องเกิน 3 วัน สำหรับข้อบ่งใช้นี้ ทั้งนี้สามารถใช้ยาในรูปแบบยากินในการรักษาต่อเนื่องภายหลังจากการฉีดครั้งแรกได้
นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทความเท่านั้น อ่านบทความฉบับเต็มพร้อมหัวข้อเรื่องคำเตือนและข้อควรระวังต่อได้ที่ : https://readvpn.com/article/detail/706
บทความโดย : รศ. น.สพ. ดร.เจนภพ สว่างเมฆ
สำหรับคุณหมอสัตวแพทย์ที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก
ตอนนี้ทาง VPN มีโปรโมชั่นน่าสนใจอยู่นะ
💙 อ่านออนไลน์ จ่ายถูกกว่า -
สำหรับสัตวแพทย์ท่านที่สมัครสมาชิกแบบอ่านออนไลน์ (ไม่รับหนังสือ) จ่ายเพียง 1,500 บาท/ปี เท่านั้น และยังสามารถทำ CE online ในเว็ปไซต์ได้ตามปกติ
💙 อ่านจากเล่ม เน้นสะสม -
สำหรับท่านที่สมัคร/ต่ออายุสมาชิกแบบรับหนังสือ (สามารถใช้งานเว็ปไซต์และทำ CE online ได้ด้วย)
📍 ได้ทำ CE online มากกว่า 40 คะแนน/ปี
📍 ดาวโหลด E-book ไปอ่านได้
📍 ใช้งานเว็ปไซต์ได้เต็มรูปแบบ
📍 E-learning online course
ดูรายละเอียดแพคเกจ
และสมัครออนไลน์ด้วยตัวเองได้ที่ https://www.readvpn.com/register
หรือสอบถามเพิ่มเติม
add Line :

เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับ ชมรมสัตวแพทย์บำบัดโรคแมวแห่งประเทศไทย (TSOFP) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ...
01/08/2025

เรียกได้ว่าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับ ชมรมสัตวแพทย์บำบัดโรคแมวแห่งประเทศไทย
(TSOFP) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้เดินหน้าจัดงานประชุมวิชาการอย่างไม่หยุดยั้งเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ซึ่งเป็นปีที่ 19 ของการก่อตั้งชมรมฯ และยิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ณ ห้อง Chadra 3 โรงแรม Siam Kempinski Hotel Bangkok มาพร้อมกับเนื้อหาสุดเข้มข้น ตอบโจทย์ปัญหายอดฮิตของคุณหมอแมวทุกท่านอย่างครบถ้วนและตรงจุด กับหัวข้อ Tummy Troubles: What’s Going on inside? ปัญหาอะไร ซ่อนไว้อยู่ในท้องเหมียว บรรยายโดยวิทยากรมือหนึ่งเรื่องช่องท้องของเจ้าเหมียว ทั้ง 4 ท่าน พร้อมพาคุณหมอคุณท่านเจาะลึกกันไปแต่ละอวัยวะ ดังนี้
• “Liver and Galbladder: the story of feline cholangiohepatis” โดย ผศ. สพ.ญ. ดร. สถิตภัค อัศวราชันย์
• “Decoding Feline Pancreatitis” โดย อ. สพ.ญ. ดร.ปุญญมณี แหยมเกตุ
• “Chronic Enteritis: the silent struggle in cats” โดย อ. น.สพ. ดร.เสลภูมิ ไพเราะ
• “Feline LUTD: causes, care, and cure” โดย ผศ. น.สพ. ดร.วชิรา หุ่นประสิทธิ์
นอกจากสาระความรู้ที่คุณหมอจะได้รับอย่างเต็มเปี่ยมจากงานประชุมวิชาการครั้งนี้แล้ว TSOFP ยังขนทัพของรางวัลพร้อมมาแจกให้คุณหมออย่างล้นหลาม โดยครั้งนี้พิเศษยิ่งกว่าด้วยของรางวัลจากงาน World Feline Congress 2025 ที่จัดขึ้นโดยองค์กร International Cat Care (iCatCare) ซึ่งปีนี้ ในฐานะองค์กรพันธมิตร ผศ.สพ.ญ.ดร. วรพร สุขุมาวาสี ประธานชมรม TSOFP ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมงานประชุม national partners และหารือกิจกรรมความร่วมมือในระดับนานาชาติในวันที่ 26 มิถุนายน และเข้าร่วมประชุมวิชาการในวันที่ 27-29 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ณ กรุงเอดินเบอระ ประเทศสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร
ไม่เพียงเท่านี้ในงานประชุมยังสอดแทรกด้วยการบรรยายสุดพิเศษจาก บริษัท ไอเด็กซ์ แลบบอราทอรีส์ จำกัด (IDEXX) ที่มาอัพเดทเทคโนโลยีใหม่ ๆ พร้อมกับเชิญชวนคุณหมอร่วมสนุกกับกิจกรรมตอบคำถามลุ้นรับของรางวัล และนอกจากนี้ภายในงานยังขนทัพบูธผู้สนับสนุนถึง 17 บูธ เข้ามาให้ข้อมูลคุณหมอและแจกของรางวัลอีกมากมายเช่นกัน
สุดท้ายนี้ แน่นอนว่างานประชุมเพื่อคุณหมอทุกท่านและกิจกรรมต่าง ๆ จาก TSOFP จะยังไม่จบลงเพียงเท่านี้ หากคุณหมอไม่อยากพลาดกิจกรรมดี ๆ เช่นนี้จากทางชมรมอีกในอนาคต สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ page : TSOFP Thailand
อ่านบทความบนเว็บไซต์ได้ที่ : https://readvpn.com/new/detail/114

ใหม่! Cat X’Pert Community คอมมูนิตี้หมอแมวกับคอร์สเรียนใหม่ Feline Expert Courseพร้อมกิจกรรมท้ายบทเรียนลุ้นรับรางวัล Ap...
01/08/2025

ใหม่! Cat X’Pert Community คอมมูนิตี้หมอแมวกับคอร์สเรียนใหม่ Feline Expert Course
พร้อมกิจกรรมท้ายบทเรียนลุ้นรับรางวัล Apple Airtag
ร่วมสนุกได้ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 สิงหาคม 2568 เพียงตอบทำถามง่ายๆ
มัดรวมมาให้แบบครบจบ 5 Course อัปเดตใหม่ ครบจบทุกเรื่องแมวๆ จากคณะอาจารย์ 5 ท่านที่จะมาแชร์ประสบการณ์การดูแลแมวทุกช่วงวัยในแต่ละแง่มุม
📍Feline Behavior การเข้าใจพฤติกรรมธรรมชาติและความต้องการทางพฤติกรรม โดย อ. ดร.น.สพ.ปรารมภ์ ศรีภวัศราคม
📍Cat Friendly Clinic จัดการคลินิกให้เฟรนลี่กับเคสเหมียว โดย รศ. สพ.ญ. ดร.ทัศนีย์ เจริญทรงและ รศ. สพ.ญ. ดร.พันพิชา สัตถาสาธุชนะ
📍Feline infectious upper respiratory tract disease and multi-cat households management โดย รศ. สพ.ญ. ดร.ทัศนีย์ เจริญทรง
📍อัปเดตล่าสุด! แนวทางการทำวัคซีนในแมวล่าสุด รวมถึงเจาะลึกอาการข้างเคียงหลังทำวัคซีน โดย ผศ. น.สพ. ดร.ธีรวุติ เนตรอำพันธ์
📍อัปเดตล่าสุด! แนวทางการวินิจฉัยโรคเอดส์ และลิวคีเมียในแมว โดย ผศ. น.สพ. ดร.นวพล เตซะเกรียงไกร
📢 Cat X’Pert Series เข้าเรียนและรับชมฟรี! ได้ที่ Animal Health Hub เว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลและความรู้สำหรับสัตวแพทย์
เข้าเรียนได้แล้ว คลิก https://shorturl.at/osRAw
เข้าร่วมกิจกรรมตอบถาม คลิก https://forms.office.com/e/dXh3YeZawg

ที่อยู่

68/932 Moo 8 Soi 28
Bangkok
11000

เวลาทำการ

จันทร์ 09:00 - 17:00
อังคาร 09:00 - 17:00
พุธ 09:00 - 17:00
พฤหัสบดี 09:00 - 17:00
ศุกร์ 09:00 - 17:00

เบอร์โทรศัพท์

+6629655020

เว็บไซต์

แจ้งเตือน

รับทราบข่าวสารและโปรโมชั่นของ VPN Magazineผ่านทางอีเมล์ของคุณ เราจะเก็บข้อมูลของคุณเป็นความลับ คุณสามารถกดยกเลิกการติดตามได้ตลอดเวลา

ติดต่อ ธุรกิจของเรา

ส่งข้อความของคุณถึง VPN Magazine:

แชร์

ประเภท

Our Story

VPN (Veterinary Practitioners NEWS) นิตยสารรายเดือนสำหรับสัตวแพทย์ สามารถสมัครสมาชิกใหม่ได้ผ่านทาง https://www.readvpn.com/VPN/Subscription